ที่วัดสามพระยา กรุงเทพมหานคร นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาศักยภาพพระคิลานุปัฏฐาก “หลักสูตรการดูแลพระอาพาธระยะท้ายของพระคิลานุปัฏฐาก” โดยมีสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง วัดไตรมิตรวิทยาราม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด สธ. พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการแพทย์ คณะผู้บริหาร สธ.ร่วมงาน และมีพระเถรานุเถระ พระคิลานุปัฏฐาก เข้ารับการอบรม ๑๒๐ รูปนพ.ชลน่านกล่าวว่า การดูแลส่งเสริมสุขภาพพระสงฆ์ เป็นหนึ่งใน ๑๓ นโยบายเร่งรัดของ สธ. จากข้อมูลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ปี ๒๕๖๔ ทั่วประเทศมีวัดจำนวน ๔๓,๕๖๒ แห่ง มีพระสงฆ์ สามเณร ประมาณ ๒๔๑,๓๖๘ รูป ซึ่งกว่าร้อยละ ๕๐ เป็นผู้สูงอายุและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งมีโรคเรื้อรัง และยังมีพระอาพาธระยะท้าย ๙,๖๕๕ รูป โรงพยาบาลสงฆ์ กรมการแพทย์จึงได้จัดทำ “หลักสูตรการดูแลพระอาพาธระยะท้ายของพระคิลานุปัฏฐาก” เพื่อพัฒนาศักยภาพพระคิลานุปัฏฐากให้มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้น และจัดตั้ง “กุฏิชีวาภิบาล” ให้เป็นที่พักในการดูแลพระอาพาธระยะท้ายที่มีมาตรฐานตามหลักการดูแลแบบประคับประคอง และยังเป็นการสร้างภาคีเครือข่ายกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ เช่น รพ.สต. โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดด้าน พญ.อัมพรกล่าวว่า หลักสูตรการดูแลพระอาพาธระยะท้ายของพระคิลานุปัฏฐาก จะมีการอบรมการฝึกปฏิบัติจริง และความรู้ทางวิชาการจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ เช่น การวินิจฉัยและการตรวจคัดกรองผู้ป่วยระยะประคับประคอง, การประเมินและการจัดการอาการปวด, การดูแลอาการคลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น ทั้งนี้ ได้มีแผนจัดอบรมพระคิลานุปัฏฐาก/โยมอุปัฏฐาก ระยะแรกที่วัดทับคล้อ จ.พิจิตร, วัดสังฆทาน จ.นนทบุรี, วัดบุญนารอบ จ.นครศรีธรรมราช และตั้งเป้าให้มีกุฏิชีวาภิบาลต้นแบบที่มีพระคิลานุปัฏฐากประจำวัดในทั้ง ๓ เขตสุขภาพ.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม