วันพุธ, 6 พฤศจิกายน 2567

กาตาร์ติงอิสราเอลควรสนใจช่วยเหลือตัวประกัน

เมื่อวันที่ ๒๕ ม.ค. สถานีโทรทัศน์แชแนล ๑๒ ของอิสราเอล เผยแพร่คลิปเสียงของนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ขณะพูดคุยกับครอบครัวของตัวประกันอิสราเอล โดยนายเนทันยาฮูกล่าวหาว่า รัฐบาลกาตาร์ซึ่งมีบทบาทเป็นผู้ไกล่เกลี่ยในการเจรจาระหว่างอิสราเอลกับกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์กลุ่มฮามาสนั้นเป็นปัญหา กาตาร์ไม่ได้ต่างไปจากองค์การสหประชาชาติและองค์การกาชาด อย่างไรก็ตาม นายเนทันยาฮูพร้อมเจรจากับฝ่ายใดก็ตามที่สามารถพาตัวประกันที่เหลือทั้งหมดกลับบ้านได้ นอกจากนี้ยังเผยอีกว่า รู้สึกไม่สบอารมณ์กับสหรัฐฯ เป็นอย่างยิ่ง หลังสหรัฐฯ และกาตาร์ตกลงขยายเวลาการประจำการของทหารสหรัฐฯ ในกาตาร์ต่อไปอีก ๑๐ ปีด้านนายมาเจด อัล อันซารี โฆษกกระทรวงต่างประเทศกาตาร์ แสดงความตกใจต่อประเด็นคลิป เสียงดังกล่าวที่มีเนื้อหาตำหนิการทำงานเป็นตัวกลางของกาตาร์ระบุว่า หากเป็นเสียงของผู้นำอิสราเอลจริง นั่นเท่ากับว่านายเนทันยาฮูบั่นทอนกระบวนการเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อช่วยเหลือตัวประกันที่เหลือ ผู้นำอิสราเอลควรให้ความสำคัญต่อการช่วยเหลือชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์และตัวประกันอิสราเอล แทนที่จะกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกาตาร์กับสหรัฐฯ ส่วนรัฐบาลอิสราเอลไม่เผยทัศนะที่มีต่อถ้อยแถลงของกาตาร์ รวมถึงไม่ได้ยืนยันว่าคลิปเสียงที่รั่วไหลเป็นของจริงหรือไม่ ระบุเพียงว่าไม่สามารถลงรายละเอียดกระบวนการช่วยเหลือตัวประกันได้วันเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐฯ และรัฐบาลอิรักเตรียมหารือประเด็นการถอนกำลังทหารสหรัฐฯ ออกจากอิรักในอนาคต หลังกองทัพสหรัฐฯ เปิดฉากโจมตีทางอากาศตอบโต้กองกำลังที่อิหร่านให้การสนับสนุนในอิรัก ซึ่งปฏิบัติการโจมตีจนสร้างความเสียหายแก่สหรัฐฯ และนับวันความรุนแรงภายในอิรักก็ยิ่งรุนแรงยิ่งขึ้น ส่งผลให้อิรักเรียกร้องให้สหรัฐฯ ถอนกำลังทหารออกจากประเทศ เนื่องจากการโจมตีดังกล่าวบั่นทอนความร่วมมือจากหลายฝ่ายในด้านความมั่นคงระหว่างทั้ง ๒ ชาติสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นยังรายงานอ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯว่า การหารือในประเด็นดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่ความเป็นไปได้ของการยุติการประจำการทหารสหรัฐฯ ในอิรัก ซึ่งช่วงเวลาในการถอนกำลังทหารขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสถานการณ์ในอิรัก ขณะที่แหล่งข่าวจากอิรักระบุว่า อิรักต้องการกรอบเวลาที่แน่นอนในการถอนทัพสหรัฐฯ โดยไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายในประเทศ ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ส่งกำลังทหารเข้าไปประจำการในอิรักกว่า ๒,๕๐๐ นาย รวมถึงมีทหารจากนานาชาติโดยเฉพาะจากชาติยุโรปเข้าประจำการด้วยเช่นกัน เพื่อช่วยเหลือกองทัพในพื้นที่ในการรับมือและป้องกันภัยคุกคามจากกลุ่มไอเอส.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่