วันพฤหัสบดี, 7 พฤศจิกายน 2567

ครบรอบ ๑๖ ปี ป.ป.ท. ร้องเรียนลดลง "สมศักดิ์" ยัน รบ.หนุนปราบคอร์รัปชัน

25 ม.ค. 2024
52

“สมศักดิ์” ร่วมยินดี ป.ป.ท.ครบรอบ ๑๖ ปี ปลื้มทำงานมีประสิทธิภาพ-ตัวเลขดัชนีรับรู้การทุจริตดีขึ้น ยันรัฐบาลส่งเสริมปราบคอร์รัปชันเต็มที่ มอบแนวทางขับเคลื่อนงาน “ป้องกัน-ป้องปราม-ปราบปราม” หวังช่วยทำให้การทุจริตหมดไปเมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม๖๗ ที่โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น พลัส แวนด้า แกรนด์ จ.นนทบุรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานวันครบรอบการสถาปนา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ปีที่ ๑๖ โดยมี นายกิตติกร โล่ห์สุนทร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง, นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี, นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายเอกชัย เกษมสุขธวัช รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., และผู้บริหาร ป.ป.ท. เข้าร่วมโดย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ป.ป.ท. เป็นหน่วยงานหลักในการบังคับใช้กฎหมายด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขและป้องกันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน โดยขณะนี้ถือว่า ป.ป.ท.ทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทําให้ตัวเลขประเมินดัชนีการรับรู้การทุจริต หรือ CPI ดีขึ้น รวมถึงเรื่องร้องเรียนการทุจริตก็ลดน้อยลง ซึ่งตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ จนถึงปัจจุบัน มีสถิติการรับเรื่องร้องเรียน จำนวน ๓๙,๙๐๓ เรื่อง และมีแนวโน้มการรับเรื่องร้องเรียนน้อยลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี ๒๕๕๙ โดยการประเมินสถานการณ์การทุจริตคอร์รัปชันในระดับโลก จากองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ได้ประเมินดัชนีการรับรู้การทุจริต หรือ CPI จาก ๑๘๐ ประเทศทั่วโลก โดยใน ๒๕๖๔ ประเทศไทย ได้ ๓๕ คะแนน จัดอยู่ในอันดับ ที่ ๑๑๐ ของโลก แต่ในปี ๒๕๖๕ ประเทศไทยได้ ๓๖ คะแนน จัดอยู่ในอันดับที่ ๑๐๑ ของโลก ลดลงมา ๙ อันดับ ซึ่งประเทศไทยได้ตั้งเป้าไว้ว่า จะต้องมีคะแนนประมาณ ๗๓ คะแนน หรืออยู่อันดับ ๑ ใน ๒๐ ของโลกภายในปี ๒๕๗๖-๒๕๘๐ เพื่อขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชันให้หมดไปนายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลมีนโยบายทั้งด้านการใช้หลักนิติธรรม หรือ Rule of Law ที่เข้มแข็งมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ เพราะการมีหลักนิติธรรมที่น่าเชื่อถือของคนในประเทศ เป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ทางความคิดและสังคมที่สำคัญ ทำให้ประเทศไทยมีความน่าเชื่อถือ โดยใช้งบประมาณของรัฐน้อยที่สุด แต่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดในการพัฒนาประเทศ และยังมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ขจัดช่องโหว่ในการทุจริต ลดค่าใช้จ่าย และปรับปรุงการ ทํางานของภาครัฐ ให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น”รัฐบาลมีความยินดีที่จะส่งเสริมให้ ป.ป.ท.พร้อมกับหน่วยงานเครือข่ายรณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน ถึงพิษภัยและความร้ายแรงต่อการเพิกเฉย และปล่อยให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นเงินงบประมาณที่เกิดจากเงินภาษีของพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งสนับสนุนให้เกิดการรวมกลุ่มเป็นเครือข่ายในการป้องกัน และเฝ้าระวังการทุจริตคอร์รัปชัน พร้อมแจ้งเบาะแสไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งการดำเนินงานที่สําคัญในการป้องกันและขจัดการทุจริตที่ประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งจะเห็นได้ว่า แม้ ป.ป.ท.จะเป็นองค์กรขนาดเล็ก แต่กลับมีภารกิจและความรับผิดชอบครอบคลุมหน่วยงานในภาครัฐทั่วประเทศ เพื่อให้งบประมาณของแผ่นดินถูกใช้อย่างคุ้มค่า ประเทศชาติได้รับการพัฒนาให้เจริญก้าวหน้า ประชาชนอยู่ดีมีสุข จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ป.ป.ท.เป็นองค์กรหลักที่เป็นกลไกของฝ่ายบริหารในการแก้ไขปัญหาการทุจริตของภาครัฐ ตามความคาดหวังของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ” รองนายกรัฐมนตรี กล่าวtt ttนายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า วันที่ ๒๕ มกราคม๖๗ ถือเป็นวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงาน ป.ป.ท.ครบรอบ ๑๖ ปี และกำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ ๑๗ ตนขอมอบแนวทางในการดำเนินงาน สําหรับเป็นทิศทางการขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของสำนักงาน ป.ป.ท.ในอนาคต โดยแบ่งเป็นงานสำคัญ ๓ ด้าน คือ ป้องกัน ป้องปราม และปราบปราม รวมถึงอีกประเด็นสำคัญ คือ ร่าง พ.ร.บ. มาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้ เป็นกฎหมายที่สำคัญ เพราะเป็นการเพิ่มอำนาจให้ ป.ป.ท.สามารถตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร เป็นการยกระดับให้ประเทศมีความโปร่งใสมากขึ้น จึงขอให้ ป.ป.ท.เดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยทำให้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันหมดไป