นายโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มจะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งไพรมารี ในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ เพื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งขั้นต้น หรือไพรมารี เพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ แม้นิกกี เฮลีย์ อดีตเอกอัครราชทูตสหประชาชาติ ซึ่งเป็นคู่แข่งเพียงคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ ประกาศว่าจะต่อสู้ต่อไปเฮลีย์ บอกกับผู้สนับสนุนในงานเลี้ยงหลังการเลือกตั้งว่าการแข่งขันนี้ยังไม่สิ้นสุด พร้อมท้าทายให้ทรัมป์ดีเบตกับเธอ “ตอนนี้เราเป็นคนสุดท้ายที่ยืนเคียงข้างโดนัลด์ ทรัมป์” ขณะที่ทรัมป์กล่าวเยาะเย้ยเฮลีย์ โดยเรียกเธอว่า “คนแอบอ้าง” และพูดว่า “เธอกำลังกล่าวสุนทรพจน์เหมือนกับว่าเธอชนะ เธอจะไม่ชนะ และเธอจะแพ้”จากผลเอ็กซิตโพลของ เอดิสัน รีเสิร์ช ระบุว่าทรัมป์มีคะแนนนำที่ ๕๔.๔% ต่อเฮลีย์ ๔๓.๖% อย่างไรก็ตาม เฮลีย์หวังว่ากลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งอิสระจำนวนมากในรัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือ จะช่วยทำให้เธอได้รับชัยชนะ ที่อาจจะทำให้อำนาจของทรัมป์ที่มีต่อพรรครีพับลิกันคลายลงในทางกลับกัน ทรัมป์กลายเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันคนแรกที่สามารถกวาดคะแนนเสียงทั้งในรัฐไอโอวา และรัฐนิวแฮมป์เชียร์ นับตั้งแต่ปี ๒๕๑๙ โดยทั้งสองรัฐอยู่ในสถานะรัฐที่จะชี้ชะตาผู้ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนพรรคแม้ว่าคะแนนส่วนต่างสุดท้ายยังคงไม่ชัดเจน แต่ผลลัพธ์ที่ได้น่าจะสนับสนุนข้อเรียกร้องของสมาชิกพรรครีพับลิกันบางกลุ่ม ที่ต้องการให้เฮลีย์ถอนตัวจากการชิงชัย เพื่อให้พรรคสามารถรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อสนับสนุนทรัมป์ ขณะที่นางเฮลีย์ยังไม่ถอดใจโดยบอกว่าการแข่งขันยังอีกยาวไกล และจะขอสู้ต่อไปจนถึงศึกซูเปอร์ทิวส์เดย์ ในช่วงต้นเดือนมีนาคมซึ่งจะมีการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรครีพับลิกันใน ๑๕ รัฐและอีก ๑ ดินแดนในวันเดียวกันการชิงชัยครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ในรัฐเซาท์แคโรไลนา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเฮลีย์ และเธอเคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐสองสมัย แต่ถึงกระนั้น ทรัมป์ก็ได้รับเสียงสนับสนุนจากบุคคลสำคัญในพรรครีพับลิกันของรัฐ และการสำรวจความคิดเห็นแสดงให้เห็นว่าเขามีคะแนนนำในขณะเดียวกัน เอดิสัน รีเสิร์ช คาดการณ์ว่าประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะชนะการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรคเดโมแครตในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ต่อผู้ท้าชิงของเขาอย่าง สส. ดีน ฟิลลิปส์แม้ว่าทรัมป์ได้รับชัยชนะ แต่ผลสำรวจเอ็กซิตโพลก็บอกเป็นนัยถึงความเปราะบางของเขาในการหาเสียงเลือกตั้งทั่วไป เขาเผชิญข้อหาทางอาญา ๙๑ กระทงในความผิดหลายข้อหา ที่รวมถึงความพยายามที่จะล้มล้างผลเลือกตั้งในปี ๒๕๖๓ และการเก็บรักษาเอกสารลับหลังพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีในปี ๒๕๖๔ อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธการกระทำผิด และอ้างว่าเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งทางการเมืองทั้งนี้ ตามการสำรวจของเอดิสัน รีเสิร์ช ประมาณร้อยละ ๔๒ ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เข้าร่วมการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรครีพับลิกันกล่าวว่า ทรัมป์ไม่เหมาะที่จะรับตำแหน่งดังกล่าวหากถูกตัดสินลงโทษในศาล นอกจากนั้นยังมีสัญญาณเตือนสำหรับไบเดนด้วย โดย ๓ ใน ๔ ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งหลักของพรรครีพับลิกันกล่าวถึงเรื่องเศรษฐกิจไม่ดีหรือกำลังย่ำแย่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ไบเดนพยายามแก้ไขเพื่อเน้นย้ำถึงความสำเร็จของฝ่ายบริหารของเขา.ติดตามข่าวต่างประเทศเพิ่มเติมที่ https://www.thairath.co.th/news/foreign