วันพฤหัสบดี, 7 พฤศจิกายน 2567

จัดฉากฆ่า "เน็ตไอดอลสาว" แฟนหนุ่มอำพรางศพ เพื่อนเชื่อปมชนวนเงิน ๑ ล้าน

23 ม.ค. 2024
70

ตำรวจเผยคดี “เน็ตไอดอลสาว” ถูกฆ่าอำพราง หมกคอนโด ย่านห้วยขวาง เป็นฝีมือแฟนหนุ่มจัดฉากฆ่าตัวตาย ก่อนปลิดชีพตัวเองหนีความผิดในคอนโดหรู จ.นนทบุรี พร้อมแจงคดีติดตัวฝ่ายชาย-ที่เป็นปมติดใจครอบครัวฝ่ายหญิง ขณะที่เพื่อนฝ่ายหญิงเชื่อสาเหตุฝ่ายชายลงมือฆ่า ปมมาจากเรื่องเงิน คดี น.ส.ธมลวรรณ หรือ “หวานเจี๊ยบ” เฉลิมชัยศรี อายุ ๒๓ ปี เน็ตไอดอลสาว ถูกยิงเสียชีวิตในคอนโดหรู พื้นที่ สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ก่อนถูก นายติณห์ หรือ “เฮียชัช” หลวงจินดา อายุ ๔๐ ปี จัดฉากยิงตัวตาย สุดท้าย “เฮียชัช” กลับไปที่คอนโดในพื้นที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี แล้วยิงตัวตายหนีความผิด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา ๐๙.๐๐ น. วันที่ ๒๓ ม.ค. ๖๗ ที่ บช.น. พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง เปิดเผยว่า ตำรวจตั้งข้อสงสัยตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว เพราะมีความผิดปกติหลายอย่าง ทั้งสภาพศพของผู้เสียชีวิต, ลักษณะการถืออาวุธปืนที่ถืออยู่ในมือซ้าย ทั้งที่ผู้เสียชีวิตเป็นคนถนัดขวา รวมถึงการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง ที่ได้ข้อมูลมาเกือบทั้งหมดยกเว้น นายติณห์ หรือ “เฮียชัช” ชายคนสนิทของผู้ตายและเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ จึงให้ฝ่ายสืบสวนติดตามจนทราบว่า “เฮียชัช” ออกจากคอนโดที่เกิดเหตุไปเมื่อเวลา ๐๖.๓๗ น. วันที่ ๒๐ ม.ค. ๖๗ ก่อนจะไปพักอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่ง ย่านสนามบินน้ำ พื้นที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี จึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนนำหมายเรียกพยาน ไปเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวน ซึ่งก็เคาะประตูอยู่ ๒-๓ รอบ แต่ก็เงียบ ระหว่างนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น ๑ นัด ภายในห้องไม่รู้ว่ายิงออกมาที่ประตู หรือยิงไปที่ไหน จึงขอกำลังตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ เข้าไปในห้อง พบ “เฮียชัช” นอนหายใจรวยริน ก่อนจะเสียชีวิตในที่เกิดเหตุผกก.สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง เปิดเผยว่า ส่วนเรื่องทางคดี ค่อนข้างชัดเจนว่า “เฮียชัช” คือผู้ก่อเหตุในพื้นที่ สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง เพราะหลักฐานบ่งชี้ แต่ตำรวจต้องรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งผลการชันสูตรศพผู้เสียชีวิต ผลการตรวจที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะภาพเขม่าดินปืน และรถเบนซ์ที่จอดใต้คอนโดย่านสนามบินน้ำ หากบ่งชี้ว่าเป็นผู้ก่อเหตุชัดเจน พนักงานสอบสวนจำเป็นต้องมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากผู้ก่อเหตุเสียชีวิตแล้วพ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่ครอบครัวติดใจเรื่องที่ตำรวจไม่จับกุม “เฮียชัช” เอาผิดตั้งแต่คดีที่ทำร้ายเพื่อนชายของ “หวานเจี๊ยบ” เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา กรณีดังกล่าวเป็นความผิดที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร ทำให้อำนาจการสอบสวนเป็นของอัยการสูงสุด จึงต้องให้อัยการสูงสุดเป็นคนสั่งคดี เหตุเกิดเมื่อเดือน พ.ย. ๖๖ ขณะที่อัยการสูงสุดเพิ่งส่งเรื่องกลับมาให้ตำรวจดำเนินการต่อเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และตำรวจเพิ่งยืนยันตัว “เฮียชัช” ได้ แต่มาเกิดเรื่องนี้ขึ้นเสียก่อน โดยคดีนั้นอัยการตั้งข้อหาไว้ “ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายให้ได้รับอันตรายสาหัส” ซึ่งนอกจาก “เฮียชัช” แล้ว ยังมีผู้ร่วมก่อเหตุอีกอย่างน้อย ๑ คน เป็นคนไทย ที่ต้องสืบสวนหาตัวมาดำเนินคดี ยืนยันว่าคดีนี้ยังอยู่ในกรอบเวลาตามกฎหมาย”เรื่องพนันออนไลน์ที่เฮียชัชเข้าไปพัวพัน มีหนี้สินติดตัวเป็นร้อยล้าน เป็นคำบอกเล่าของพยาน ต้องรอเรียกตัวเพื่อนของผู้เสียชีวิตมาให้ปากคำ ส่วนเรื่องอาวุธปืนที่พบในที่เกิดเหตุ พบเป็นปืนยี่ห้อกล็อก ขนาด ๙ มม. มีชื่อผู้ครอบครองเป็นของบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เฮียชัช ต้องรอเรียกเจ้าของปืนมาสอบสวนว่าเหตุใด ปืนกระบอกนี้จึงไปอยู่กับเฮียชัช และทำไมถึงมาอยู่ในที่เกิดเหตุ” พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวtt ttต่อมา เวลา ๑๑.๐๐ น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ คอนโดแห่งหนึ่ง ย่านซอยประชาอุทิศ แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. เพื่อสัมภาษณ์ น.ส.อิสรีย์ กิจพจณี อายุ ๒๕ ปี และ น.ส.พิมลภัทร พรนิคม อายุ ๒๕ ปี เพื่อนของหวานเจี๊ยบ ระบุว่า ตอนนี้ผู้กระทำผิดได้รับกรรมที่เขาก่อไว้แล้ว เชื่อว่าเฮียชัชคือคนที่ลงมือฆ่าหวานเจี๊ยบ โดยปมเหตุมาจากเรื่องเงิน โดยเมื่อช่วงกลางเดือน มกราคมที่ผ่านมา เฮียชัชได้เงินจากการจำนองบ้านจำนวน ๓ ล้านบาท นำมามอบให้หวานเจี๊ยบ ๑ ล้านบาท บอกว่าเป็นของขวัญวันเกิดของหวานเจี๊ยบในเดือน กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ แต่หลังจากนั้นเฮียชัชได้มาขอเงินคืนไป ๕๐๐,๐๐๐ บาท เนื่องจากเดินทางไปเล่นพนันที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา จนหมดตัว กระทั่งก่อนเกิดเหตุทราบว่าเฮียชัชกลับมาขอเงินอีก ๕๐๐,๐๐๐ บาท ที่เหลือจากหวานเจี๊ยบ ทำให้เกิดมีปากเสียงกัน เพราะหวานเจี๊ยบเตรียมนำเงินจำนวนดังกล่าวไปลงทุนทำครีมเพิ่ม และส่งเงินไปช่วยเหลือที่บ้านเพื่อนสนิทของหวานเจี๊ยบ เปิดเผยต่อว่า ก่อนหน้านี้ทราบว่าฝ่ายชายพัวพันเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ แต่มาทราบภายหลังว่าได้เลิกทำเว็บพนันออนไลน์แล้ว มักเดินทางไปเล่นพนันที่บ่อนปอยเปต ประเทศกัมพูชาเป็นประจำ ตลอดเวลาที่คบหากันมา ๒ ปี เฮียชัชให้เงินหวานเจี๊ยบเดือนละประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ บาท แต่ช่วง ๖ เดือนหลังไม่ได้ให้เงินกับหวานเจี๊ยบอีก ก่อนจะมามอบเงินให้ ๑ ล้านบาท แล้วก็พยายามเอาคืนกลับไปเล่นพนัน”เพื่อนๆ พยายามบอกให้หวานเจี๊ยบเลิกกับเฮียชัช เนื่องจากเห็นว่าถูกฝ่ายชายทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด แต่เฮียชัชกลับใช้ LINE ของหวานเจี๊ยบ พิมพ์ข้อความมาบอกเพื่อนๆ ว่า มีแต่ความตายเท่านั้นที่พรากเราสองคนไปได้ โดยปืนที่พบในที่เกิดเหตุเป็นของเฮียชัช มักนำมาวางไว้บนหัวเตียงนอนของหวานเจี๊ยบ แต่ไม่ทราบว่าผู้ครอบครองเป็นใครและได้มาได้อย่างไร” เพื่อนของหวานเจี๊ยบ กล่าว