กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานตัวเลขสถานการณ์ไข้เลือดออกในปี ๒๕๖๖ ว่า เป็นปีที่พบการระบาดของไข้เลือดออกครั้งใหญ่ทั่วโลกโดยประเทศไทยมีผู้ป่วยถึง ๒๔,๐๙๐ ราย มากกว่าปีที่แล้วถึง ๔.๒ เท่า เป็นการระบาดสูงสุดในรอบ ๓ ปี และมีผู้เสียชีวิต ๑๕ ราย เฉลี่ยมีผู้ป่วยสัปดาห์ละ ๙๐๐ ราย เสียชีวิตสัปดาห์ละ ๑ ราย พบอัตราป่วยสูงสุดคือ กรุงเทพฯ ภาคใต้และภาคกลาง โดยนักเรียนอายุ ๕-๑๔ ปี ป่วยสูงสุด รองลงมาคือกลุ่มอายุ ๑๕-๒๔ ปี และมีผู้ป่วยสะสม ๑๒๓,๐๘๑ ราย เสียชีวิต ๑๓๙ รายไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี ซึ่งมีระยะฟักตัวในยุงประมาณ ๘-๑๒ วัน เมื่อยุงที่มีเชื้อไปกัดคนอื่นก็จะปล่อยเชื้อไวรัสไปยังผู้ที่ถูกกัด เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายคนและผ่านระยะฟักตัวนาน ๕-๘ วัน หรือสั้นที่สุด ๓ วันยาวนานที่สุด ๑๕ วัน ก็จะทำให้เกิดอาการของโรคได้ ซึ่งด้วยสภาพอากาศค่อนข้างร้อนชื้นอย่างประเทศไทย เป็นโอกาสที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสเดงกี บวกกับมีฝนตก ทำให้ลูกน้ำยุงลายมีปริมาณมาก และเจริญเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เมื่อมีฝนตกมาก คนอยู่รวมกันหนาแน่น โอกาสที่จะแพร่ระบาดก็เพิ่มมากขึ้นtt ttกลุ่มอายุที่เป็นไข้เลือดออกมากที่สุดคืออายุ ๑๐-๑๔ ปี รองลงมาคือ ๕-๙ ปี, ๑๕-๒๔ ปี และ ๒๕-๓๔ ปี ตามลำดับ เรียกได้ว่าโรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่มีความรุนแรงสูงถ้าหากมีผู้ป่วย ๑,๐๐๐ ราย จะเสียชีวิต ๑ ราย จาก ๒ สาเหตุ คือ ภาวะเลือดออกมาก และเลือดรั่วจากเส้นเลือดจนเกิดภาวะช็อก และเสียชีวิตอาการของโรคไข้เลือดออกเริ่มจากมีไข้สูงเฉียบพลันเกิน ๓๘.๕ องศาเซลเซียส หรืออาจสูงถึง ๔๐-๔๑ องศาเซลเซียส ซึ่งบางรายอาจมีอาการชักเกิดขึ้น โดยเฉพาะในเด็กที่เคยมีประวัติชัก มีเลือดออกที่ผิวหนัง เป็นจุดเลือดเล็กๆกระจายอยู่ตามแขน ขา ลำตัว รักแร้ อาจมีเลือดกำเดาหรือเลือดออกตามไรฟัน ในรายที่รุนแรงอาจมีอาเจียนและถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ซึ่งมักจะเป็นสีดำ (melena) อาการเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนใหญ่จะพบร่วมกับภาวะช็อกtt ttสิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดคืออาการช็อก ที่ทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดล้มเหลว บางรายมีภาวะอาการตับโต กดเจ็บ ส่วนใหญ่จะคลำพบ ตับโตได้ประมาณวันที่ ๓-๔ นับตั้งแต่เริ่มป่วย ตับจะนุ่ม และกดเจ็บ มีภาวะการไหลเวียนล้มเหลวประมาณ ๑ ใน ๓ ของผู้ป่วยไข้เลือดออกจะมีอาการรุนแรง มีภาวะการไหลเวียนโลหิตล้มเหลว หรือภาวะช็อก เนื่องจากมีการรั่วของพลาสมาออกไปยังช่องปอด ช่องท้อง เกิด hypovolemic shock ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นพร้อมๆมีไข้ลดลงอย่างรวดเร็วเวลาที่เกิดอาการช็อกขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่มีไข้ อาจเกิดได้ตั้งแต่วันที่ ๓ ของโรค หรือเกิดวันที่ ๘ ของโรค ผู้ป่วยจะมีอาการแย่ลง เริ่มมีอาการกระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ชีพจรเบา เร็ว และความดันโลหิตเปลี่ยนแปลง ไข้เลือดออกหากเป็นครั้งแรกจะไม่ค่อยรุนแรงมาก แต่หากเป็นครั้งที่ ๒ จะเกิดความรุนแรงมากขึ้น ทำให้เลือดออกและช็อกได้วิธีป้องกันไข้เลือดออกคือ การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายและป้องกันไม่ให้ถูกยุงลายกัด และหากพบว่ามีอาการ หรือมีประวัติถูกยุงลายกัด และมีอาการควรรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต.คลิกอ่านคอลัมน์ “สมาร์ทไลฟ์” เพิ่มเติม