วันศุกร์, 8 พฤศจิกายน 2567

จับไอซ์ลอตใหญ่ ของกลาง ๒๔๙ โล ได้ผู้ต้องหา ๒ คน ซุกในรถกระบะ

01 ก.พ. 2024
67

ตำรวจ ๑๙๑ รวบ ๒ สมุนแก๊งยานรก “อาร์ท ต่ำเอี่ยว” ย่าน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ของกลางยาบ้า ๒ ล้านเม็ด ยาไอซ์ ๒๔๙ กก. พบคนร้ายนำยาเสพติดทั้งหมดมาซ่อนในรถกระบะตู้ทึบจอดทิ้งในซอย ก่อนเกมขณะเตรียมนำรถไปรับยาเสพติดที่ จ.สุพรรณบุรี สอบสวนทั้งคู่รับสารภาพได้ค่าจ้างเดือนละ ๕ หมื่นต่อคน ทำมานานกว่า ๔ เดือนตำรวจ ๑๙๑ จับยาบ้า-ยาไอซ์ลอตใหญ่ เปิดเผยเมื่อวันที่ ๑ ก.พ. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ชนินทร์ โกพัฒน์ตา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดา ผบก.สปพ.พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผกก.สายตรวจ พร้อมผู้เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงผลจับกุมนายชัยยศ หรือบัง แจ้งกัน อายุ ๒๘ ปี นายบุญฤทธิ์ หรือโบ๊ท จันทร์ทอง อายุ ๑๙ ปี ของกลางยาบ้า ๒ ล้านเม็ด ยาไอซ์ ๒๔๙ กก. รถกระบะตู้ทึบ โตโยต้า รีโว่ สีขาว ๑ คัน ทะเบียน ๑ ฒร-๖๒๔๗ กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์มือถือ ๑ เครื่อง จับกุมได้กลางซอยบงกช ๑๗ ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีสืบเนื่องจากตำรวจ ๑๙๑ ขยายผลสืบสวนเครือข่ายยาเสพติดของนายอภิวิชญ์ สอาดดี หรืออาร์ท ต่ำเอี่ยว อายุ ๓๖ ปี ที่ถูกจับกุมมาตั้งแต่ปี ๖๔ ครั้งนั้นตรวจยึดยาบ้า ๑๑ ล้านเม็ด จนพบข้อมูลมีเครือข่ายลักลอบจำหน่ายยาเสพติดของแก๊งต่ำเอี่ยวที่ยังหลงเหลือในพื้นที่ ต. คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พฤติกรรมจะใช้รถกระบะตู้ทึบเป็นที่เก็บซุกซ่อนยาเสพติดและจะขับมาจอดทิ้งไว้ในซอยบงกช ๑๗ ก่อนนำไปกระจายส่งให้กับลูกค้ารายย่อยในพื้นที่ใกล้เคียง จึงเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งพบกลุ่มคนร้ายเตรียมขับรถกระบะไปรับยาเสพติดที่ จ.สุพรรณบุรี เพื่อนำมาพักไว้ในซอยดังกล่าว จึงแสดงตัวเข้าจับกุมได้ผู้ต้องหาพร้อมของกลางดังกล่าวสอบสวนผู้ต้องหาทั้งคู่ให้การรับสารภาพทำมานานกว่า ๔ เดือน ได้ค่าจ้างเดือนละ ๕ หมื่นบาทต่อคน โดยรับคำสั่งมาจากนายอภิวิชญ์ หรืออาร์ท ต่ำเอี่ยว เอเย่นต์รายใหญ่ให้ไปรับยาเสพติด ตรวจสอบประวัตินายชัยยศเคยมีประวัติต้องโทษคดีเกี่ยวกับยาเสพติด เมื่อปี ๖๓ ในพื้นที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า, ยาไอซ์) อันเป็นกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดี พร้อมขยายผลเครือข่ายดังกล่าว โดยนำมาตรการยึดทรัพย์ในคดียาเสพติดมาบังคับใช้ ส่วนผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่พ้นโทษแล้วกลับมาก่อเหตุอีกต้องถูกเพิ่มโทษด้วยเช่นกันอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่