ตม.เผยจับสมาชิกวงร็อกชื่อดังชาวรัสเซีย Bi-๒ ที่ต่อต้านทางการรัสเซีย ขณะทำการแสดงที่ภูเก็ต ๗ คน ไม่เกี่ยวการเมือง เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เหตุไม่มีใบอนุญาตทำงาน ขณะที่นักสิทธิมนุษยชนกังวลว่าสมาชิกบางคนในวงที่มีสัญชาติรัสเซีย ที่อาจจะถูกส่งกลับไปยังประเทศต้นทาง เผชิญกับอันตราย เพราะถูกประกาศเป็นผู้สนับสนุนยูเครนจากกรณีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต จับกุมนักดนตรีแนวเพลงร็อก ๗ คน ของวง Bi-๒ วงร็อกชื่อดังชาวรัสเซีย ดำเนินคดีในข้อหา “ไม่มีใบอนุญาตทำงาน” หลังเดินทางเข้ามาแสดงคอนเสิร์ตในประเทศไทย ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ที่ผ่านมา ทั้งนี้ รายงานระบุว่า วง Bi-๒ วงร็อกชาวรัสเซีย เป็นวงดนตรีที่มีจุดยืนต่อต้าน “ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ” ของรัสเซียในยูเครน จนถูกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าวหาว่า วงร็อก Bi-๒ “สนับสนุนการก่อการร้าย” เพราะต่อต้านรัสเซียและประกาศสนับสนุนยูเครน จนทำให้นักสิทธิมนุษยชนหลายฝ่ายกังวลว่าสมาชิกบางคนในวงที่มีสัญชาติรัสเซีย ที่อาจจะถูกส่งกลับไปยังประเทศต้นทาง ต้องเผชิญกับอันตราย หากรัฐบาลไทยส่งผลักดันกลับประเทศรัสเซีย ถือเป็น “กรณีแรกในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน” และถือเป็นการละเมิดสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่นายกรัฐมนตรีเคยประกาศไว้ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก เมื่อ ก.ย. ๒๕๖๖ ที่ผ่านมาหรือไม่ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา ๑๑.๐๐ น. วันที่ ๓๑ ม.ค. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ได้เปิดเผยว่า เบื้องต้นทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เมื่อพบผู้กระทำความผิด ส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี และส่งตัวเข้าห้องกักที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตามขั้นตอน ส่วนประเด็นเรื่องการผลักดันกลับไปยังประเทศต้นทาง ขณะนี้ผลักดัน ๑ ในสมาชิกของวงไปแล้วแต่ไม่ใช่ประเทศรัสเซีย ส่วนบางคนในสมาชิกวงที่ถือ ๒ สัญชาติ หากไม่ยินยอมกลับไปที่ประเทศต้นทางตามหนังสือเดินทางเข้าประเทศ ต้องประสานไปยังประเทศที่ ๓ ที่บุคคลนั้นถือสัญชาติ ว่าพร้อมที่จะรับตัวเข้าประเทศหรือไม่ส่วนเรื่องสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน เมื่อปี ๒๕๖๖ คณะรัฐมนตรีฯ ได้ร่างหนังสือสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนไประหว่างไทยกับรัสเซีย โดยผ่านการพิจารณาจาก คณะรัฐมนตรีแล้ว แต่ยังไม่ชัดเจนว่าสนธิสัญญาบรรลุข้อตกลงระหว่างประเทศแล้วหรือไม่ ช่วงบ่ายของวันนี้ ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจะเข้าร่วมประชุมกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สมช.) ที่ดูแลเรื่องความมั่นคงของประเทศ เพื่อพิจารณาในการผลักดันสมาชิกวงดนตรีดังกล่าวกลับประเทศต้นทาง ส่วนเรื่องจะเข้าข่ายผิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากลหรือไม่นั้น พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า ตามหลักสิทธิมนุษยชนแล้ว การส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนให้ยกเว้นกรณีนักโทษทางการเมือง การเหยียดเชื้อชาติ ไม่สามารถกระทำได้ หากบุคคลเหล่านั้นไม่ได้ทำความผิดในคดีอาญา หรือก่อเหตุอาชญากรรม โดยการส่งกลับประเทศ ถ้าผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ทางสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไม่สามารถบังคับให้ออกนอกประเทศได้ (ให้กักตัวไว้จนกว่าจะพร้อม) นอกจากนี้ ตัวผู้กระทำความผิดสามารถยื่นขอหน่วยงานสากลอย่างสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNSCR) หรือองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ขอเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองได้ หากเข้าข่ายตามหลักสิทธิมนุษยชน และสามารถประกันตัวออกมาอาศัยในฐานะผู้ลี้ภัยได้ แต่มีข้อแม้ห้ามประกอบอาชีพ หรือกระทำการใดๆ ที่ผิดต่อกฎหมายของประเทศนั้น
