เมื่อวันที่ ๑๗ มี.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคงมีจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อรัฐบาลจีน โดยกล่าวระหว่างการหาเสียงที่เมืองแวนดาเลีย รัฐโอไฮโอ ว่า รัฐบาลสหรัฐฯจำเป็นต้องปกป้องอุตสาหกรรมรถยนต์ของตัวเอง และหากตัวเองได้รับเลือกกลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง ก็จะตั้งกำแพงภาษี ๑๐๐% แก่รถยนต์จีนทุกครั้งที่เข้ามาในพรมแดนสหรัฐฯทั้งนี้ นายทรัมป์กล่าวว่า ตัวเองกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เป็นเพื่อนกันก็จริง แต่จีนมาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ในเม็กซิโก ไม่จ้างชาวอเมริกันแต่เอารถมาขายให้เรา เรายอมรับไม่ได้ บอกเลยว่าถ้าได้เป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง จะทำให้จีนขายรถไม่ได้เลย นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังกล่าวหาเสียงอย่างสุดโต่งด้วยอีกว่า หากผมไม่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะต้องมีการนองเลือดเกิดขึ้นในประเทศ และอาจจะมีเรื่องใหญ่กว่านั้นด้วยซ้ำ พร้อมมั่นใจว่าหากผมไม่ชนะ ประเทศนี้ก็อาจไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นอีกด้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า การหาเสียงดังกล่าวของนายทรัมป์ เป็นการพูดแบบไม่มีสคริปต์เสียส่วนใหญ่ หลังนายทรัมป์บ่นว่าไม่สามารถใช้เครื่องเทเลพรอมเตอร์ได้ เนื่องจากลมแรงมาก ทำให้กล้องสำหรับอ่านสคริปต์ขยับไปมาตลอด เหมือนกับธงที่โบกสะบัดขณะที่ต่อมานายเจมส์ ซิงเกอร์ โฆษกทีมหาเสียงของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์โจมตีนายทรัมป์ว่า คำพูดว่าจะมีการนองเลือด ถือเป็นคำขู่ว่าจะใช้ความรุนแรงทางการเมือง นายทรัมป์คงต้องการให้เกิดเหตุการณ์บุกรัฐสภา ๖ มกราคม๒๕๖๔ ขึ้นอีกครั้ง แต่แน่นอนว่างานนี้ชาวอเมริกันจะทำให้นายทรัมป์พบกับความพ่ายแพ้อีกครั้งในศึกเลือกตั้งเดือน พฤศจิกายนนี้ เพราะว่าชาวอเมริกันไม่เห็นด้วยกับแนวคิดหัวรุนแรง และความหลงใหลในความรุนแรง และความเจ้าคิดเจ้าแค้นของนายทรัมป์ส่วนนางแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกหาเสียงของนายทรัมป์ ชี้แจงกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นสหรัฐฯว่า เป็นความเข้าใจผิดของทีมหาเสียงของไบเดนจอมขี้โกง พยายามหยิบยกคำพูดบางส่วนมาขยายผล สิ่งที่นายทรัมป์หมายความจริงๆคือนโยบายของนายไบเดนจะก่อให้เกิดการนองเลือดในอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐฯ ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อแรงงานเป็นจำนวนมาก.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่