“นพดล” ชี้ ระเบียบราชทัณฑ์เป็นมาตรฐานสากล ใช้กับทุกคน ไม่ได้เลือกปฏิบัติเฉพาะ “ทักษิณ ชินวัตร” ถึงเวลาที่ควรมีความเมตตาปรารถนาดีต่อกัน พาบ้านเมืองเดินหน้า แนะนักการเมืองสู้เชิงนโยบาย เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๗ นายนพดล ปัทมะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เดินทางไปโรงพยาบาลตำรวจ เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๗ เพื่อไปดูชั้น ๑๔ ว่า ถือเป็นสิทธิ์ และการที่กลุ่มบุคคลต่างๆ หยิบยกประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมา ตนเห็นว่าในขณะนี้บ้านเมืองต้องเดินหน้าสู่การปรองดอง สมานฉันท์ และการจะดูเรื่องใดต้องดูป่าทั้งป่า ไม่ใช่แค่ต้นไม้ต้นเดียว ซึ่งเรื่องนี้มีที่มาที่ไป นายนพดล ระบุต่อไปว่า ในประเด็นของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตนเองขอตั้งข้อสังเกต ๔ ข้อดังนี้ ๑. หลังการรัฐประหารในปี ๒๕๔๙ มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน (คตส.) ซึ่งมีกรรมการที่เป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองกับ นายทักษิณ มาสอบคดี ซึ่งขัดหลักนิติธรรมอย่างชัดเจน ตนถามว่าเคยได้มีการออกไปคัดค้านการละเมิดหลักนิติธรรมนี้หรือไม่ ๒. กฎกระทรวงและระเบียบของกรมราชทัณฑ์เรื่องผู้ต้องขัง การพักโทษ และการเปลี่ยนสถานที่คุมขังนั้นบังคับใช้ทั่วไป ไม่ใช้กับคนหนึ่งคนใดโดยเฉพาะ ไม่มีการเลือกปฏิบัติ และสอดคล้องหลักสากล๓. ระเบียบเกี่ยวกับการเปลี่ยนสถานที่คุมขัง คือระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. ๒๕๖๖ ออกสมัยรัฐบาลที่แล้ว ตอนออกก็ไม่เห็นคนคัดค้าน และตนไม่เชื่อว่ารัฐบาลเก่ามุ่งช่วยเหลืออดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ เนื่องจากเป็นไปตามมาตรฐานสากล ต่างประเทศก็ทำเช่นนี้ ๔. เชื่อมั่นว่าเจ้าหน้ากรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ จะปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ยึดมั่นความเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ เพราะระเบียบนี้ใช้กับผู้ถูกคุมขังทุกคน ไม่ว่าจะนามสกุลอะไรนายนพดล ยังกล่าวในช่วงท้ายด้วยว่า “ระเบียบราชทัณฑ์ใช้กับทุกคน เราพร่ำพูดถึงหลักนิติธรรม แต่ไม่ควรใช้กับบางคนบางเวลา แต่ต้องใช้กับทุกคนตลอดเวลา และอย่าดูเฉพาะนิติธรรมที่เป็นคุณกับฝ่ายตัวเอง อดีตนายกฯ ได้ทำประโยชน์มากมาย เช่น โครงการ ๓๐ บาทรักษาทุกโรค ที่เป็นตำนานตลอดไป ได้เวลาที่เราควรมีความเมตตาปรารถนาดีต่อกัน เพื่อพาบ้านเมืองเดินหน้า ส่วนนักการเมืองก็ขอเชิญมาต่อสู้เชิงนโยบาย เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน และแก้ปัญหาประเทศดีกว่า”