วันอังคาร, 5 พฤศจิกายน 2567

นายกฯ อิสราเอลไม่สนเสียงต้าน ลั่นจะบุกเมืองราฟา ใครก็หยุดไม่ได้

นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ยืนยันว่าปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินในเมืองราฟาห์ จะเกิดขึ้น และไม่มีแรงกดดันใดสามารถหยุดพวกเขาได้ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนานาชาติสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายกรัฐมนตรี เบนยามิน เนทันยาฮู ยืนยันความตั้งใจของเขาที่จะมีปฏิบัติการทางทหารในเมืองราฟาอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ ๑๗ มี.ค. ๒๕๖๗ โดยไม่สนเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาประเทศ รวมถึงชาติพันธมิตร เนื่องจากเมืองราฟา มีชาวปาเลสไตน์ที่อพยพมาจากพื้นที่อื่นๆ ของฉนวนกาซา มาอาศัยอยู่รวมกันกว่า ๑.๕ ล้านคน“ไม่มีแรกกดดันใดๆ จากต่างประเทศ ที่จะหยุดอิสราเอลจากการบรรลุเป้าหมายทั้งหมดในสงครามได้” เนทันยาฮูกล่าวขณะพบคณะรัฐมนตรีของตัวเอง “หากเราหยุดสงครามตอนนี้ ก่อนจะบรรลุเป้าหมายทั้งหมด ก็หมายความว่า อิสราเอลแพ้สงคราม และเราจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น”เนทันยาฮูบอกอีกว่า อิสราเอลต้องสามารถทำสงครามต่อไปได้ โดยมีเป้าหมายในการกำจัดกลุ่มฮามาส, ปลดปล่อยตัวประกันทั้งหมด และทำให้แน่ใจว่า ฉนวนกาซาจะไม่เป็นภัยคุกคามอีกต่อไป“เพื่อการณ์นี้ เราจะมีปฏิบัติการในราฟาห์ด้วย” ผู้นำอิสราเอลกล่าว โดยย้ำว่า ปฏิบัติการจู่โจมภาคพื้นดินในเมืองแห่งนี้ “จะเกิดขึ้น” และจะดำเนินไปนานหลายสัปดาห์ดาเนทันยาฮูยังตำหนิไปถึงผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายของเขา ระบุว่า “ความทรงจำของพวกคุณสั้นขนาดนี้เลยหรือ?” “คุณลืมเหตุการณ์วันที่ ๗ ตุลาคม ซึ่งเป็นการสังหารหมู่ชาวยิวคครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งนั้น (ในสงครามโลกครั้งที่ ๒) ไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน”การโจมตีเมื่อ ๗ ต.ค. ๒๕๖๖ นับเป็นปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดของกลุ่มฮามาส ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว ๑,๒๐๐ ศพ และอีกกว่า ๒๕๐ คนถูกลักพาตัวไปจากดินแดนอิสราเอล และถูกจับไว้เป็นตัวประกัน ส่งผลให้อิสราเอลเปิดฉากทำสงครามกับกลุ่มฮามาส ซึ่งตอนนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตในกาซาแล้วมากกว่า ๓๑,๔๐๐ ศพ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็กทั้งนี้ คำพูดล่าสุดของเนทันยาฮูเกิดขึ้นในขณะที่นาย โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เดินทางทั่วตะวันออกกลาง รวมถึงเยือนอิสราเอล ซึ่งนายชอลซ์ได้แสดงการคัดค้านแผนโจมตีเมืองราฟาอีกครั้ง โดยให้ผู้นำอิสราเอลคำนึงถึงหลักมนุษยธรรมก่อนเริ่มการโจมตี และว่าการทำข้อตกลงกับฮามาส เพื่อปล่อยตัวและหยุดยิง เป็นสิ่งจำเป็นด้านเนทันยาฮูตอบกลับว่า “เป้าหมายของอิสราเอลในการกำจัดกองพลก่อการร้ายที่เหลือในราฟาห์ จะเกิดขึ้นไปพร้อมๆ กับการเปิดทางให้พลเรือนออกจากเมืองราฟาห์” และย้ำว่า “นั่น (การโจมตี) ไม่ใช่สิ่งที่เราจะทำ ในขณะที่ปล่อยให้ประชาชนถูกกักอยู่กับที่”แผนการบุกโจมตีเมืองราฟาห์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากหลายประเทศ โดยองค์การสหประชาชาติขอร้องให้อิสราเอล อย่าโจมตีเมืองแห่งนี้ในนามมนุษยธรรม ขณะที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ มหามิตรของอิสราเอล ก็เตือนว่า การขยายปฏิบัติการเข้าสู่เมืองราฟาห์ คือเส้นแดงที่ไม่ควรข้ามอนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับอิสราเอลย่ำแย่ลงเรื่อยๆ นับตั้งแต่สงครามในกาซาเริ่มต้นขึ้น โดยตอนนี้ประธานาธิบดีไบเดน ออกมาร่วมวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอล เช่นเดียวกับนาย ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา ซึ่งเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในอิสราเอลในขณะที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอลยังเชื่อว่า ยังมีล็อบบี้ยิสต์ในสหรัฐฯ คอยหนุนหลังเขาอยู่ เหมือนที่เคยเป็นมาตลอด แต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึง กับกระแสความไม่พอใจการสนับสนุนอิสราเอลของรัฐบาลไบเดน ซึ่งกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้ไบเดนตัดสินใจหาทางคลายความไม่พอใจของชาวอเมริกันก่อนแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สำนักงานของนายเนทันยาฮูได้อนุมัติแผนการบุกโจมตีในเมืองราฟาห์แล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และตอนนี้กองทัพกำลังเตรียมการเพื่ออพยพพลเรือนออกจากเมืองอยู่ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreignที่มา : bbc