นายกฯ เศรษฐา เผยอีก ๑-๒ สัปดาห์ แผนเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์น่าชัดเจน หลังตรวจเยี่ยม รพ.ค่ายประจักษ์ฯ อุดรธานี พบขาดแคลนแพทย์ พยาบาล อุปกรณ์เครื่องมือการแพทย์ พร้อมวางแผนปรับปรุงบ้านพักทหารชั้นผู้น้อย หลังพบเก่ามากวันที่ ๑๙ ก.พ. ๒๕๖๗ ที่จังหวัดอุดรธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกรณีที่ได้ตรวจเยี่ยมค่ายประจักษ์ศิลปาคม และโรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี ว่า สืบเนื่องมาจากที่ตนได้ไปตรวจเยี่ยมแฟลตตำรวจเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จากนั้นได้มีการรับประทานอาหารค่ำกับ รัฐมนตรีว่าการกลาโหม ผบ.เหล่าทัพ และปลัดกระทรวงกลาโหม ได้มีดำริว่าควรจะต้องมาดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของทหารด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารชั้นผู้น้อย ก็เลยมาดูว่าบ้านพักทหารเป็นอย่างไรบ้าง และไหนๆ ก็มาที่ จ.อุดรธานีแล้วจึงได้ถือโอกาสมาเยี่ยมบ้านพักในค่ายทหารที่อุดรธานี ซึ่งบางที่มีอายุ ๑๐๐ กว่าปีก็มี บางแห่ง ๖๐-๗๐ ปีแล้ว สภาพแย่มาก เมื่อจะทำตรงนี้แล้วก็ลองวางแผนกันดูว่าสามารถดูแลเรื่องที่อยู่อาศัยของทหารได้อย่างไรบ้าง ซึ่งก็เป็นหนึ่งในขั้นแรกที่เรามาดู นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รวมไปถึงได้ดูเรื่องของโรงพยาบาลบาลทหารที่ จ.อุดรธานี ด้วย ซึ่งก็เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ มีอยู่ ๒๐๐ เตียง ซึ่งโรงพยาบาลทหารมีการรักษาประชาชนด้วย แต่ยังมีความแออัด และขาดเครื่องมืออีกมาก รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งความจริงแล้วก็ต้องแยกแยะให้ถูกว่าเรื่องลดกำลังทหารก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่ต้องทำให้เกิดภาวะสมดุล ทั้งเรื่องป้องกันด้านความมั่นคง แต่บางหน้าที่ เช่น ดูแลเรื่องสาธารณสุข และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น หมอ และพยาบาล เทคนิคการแพทย์เหล่านี้ ก็ถือว่าเป็นอาชีพที่ขาดแคลน ก็ได้มีการพูดคุยกับปลัดกระทรวงและ ผู้บัญชาการทหารบกว่าตรงนี้ก็ต้องไปแทนเรื่องของกำลังพลให้ดี ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถสนองต่อประชาชนได้ ซึ่งหลังจากนี้ประมาณ ๑-๒ สัปดาห์ คงจะมีแผนที่ชัดเจนในเรื่องการเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ และเพิ่มอุปกรณ์ที่จำเป็น ทั้งเรื่องของรถที่ออกไปดูแลประชาชน อุปกรณ์ที่ทำต้อกระจก ที่ปั๊มหัวใจ หรือว่าที่วัดความดัน ก็เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับดูแลประชาชน และบุคลากรด้านความมั่นคงด้วย เมื่อถามว่า จะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องงบประมาณที่ใช้ตรงนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องดูให้เหมาะสมต้องค่อยค่อยทำไป ยืนยันว่าถ้าเกิดทำได้ก็จะทำให้.
