ใกล้ “ปีใหม่” ทั้งทีทำอารมณ์กันให้แจ่มใสเข้าไว้ แล้วเตรียมเผชิญกับอนาคตที่ใครก็บอกไม่ได้ว่าจะ “ดี” หรือ “แย่”…ปีนี้ก็เหมือนทุกปีมีการชักชวนคนไทยและต่างชาติไปรอเคาต์ดาวน์หน้าลานศูนย์การค้าดัง ทั้งในกรุงเทพฯกับเมืองท่องเที่ยวแต่ละภูมิภาคโดยรัฐเต็มใจจ่ายค่าเช่าให้บางที่ บรรยากาศดูจะเป็นเช่นนี้สวนทางเจตนารมณ์รัฐโดยสิ้นเชิง ที่เคยเอ่ยปากจะส่งเสริม “ท่องเที่ยว” ไปสู่ “ชุมชน” ช่วยคนท้องถิ่นให้มีรายได้จากนักท่องเที่ยว ล่าสุดเมื่อ ๑๓ ธันวาคมที่ผ่านมา ผู้นำตัวตึงก็เพิ่งเรียกผู้บริหารหน่วยงานท่องเที่ยวรัฐไปรับนโยบายถึงทำเนียบ วันนั้นท่านผู้นำกล่าว… “ท่องเที่ยว” เป็นองค์ประกอบสำคัญสุดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ แต่ตนพยายามเลี่ยงคำว่าควิกวินเพราะมีคนนำไปใช้กันเยอะ กับเชื่อว่าทุกรัฐบาลหวังดีให้ท่องเที่ยวเจริญก้าวหน้า ตนจึงใช้เวลาลงพื้นที่เยอะตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่ง แต่หากใครไม่สบายใจก็พูดคุยกันได้…“เพราะผมไม่อยากสื่อสารเพียงฝ่ายเดียว”tt ttผู้นำที่เสมือนเซลส์แมนระดับชาติบอก “ต้องการให้ไทยเป็นไฮซีซันตลอดปี มีคนมาจับจ่ายมากขึ้นกระจายสู่เมืองรองมากขึ้น โดยเน้นจุดเด่นแต่ละพื้นที่แล้วสร้างแลนด์มาร์กใหม่ เป็นซอฟต์พาวเวอร์โปรโมตดึงนักท่องเที่ยว อาจลำบากในการหาของดีๆ เช่น อาหาร วัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวจึงต้องประสานท้องถิ่นขุดสิ่งดีๆออกมาให้ได้”เสียดาย “เคาต์ดาวน์” ปีนี้ผู้นำไม่ยักทำอย่างที่พูดให้เห็นเป็นโมเดล?tt ttสมฤดี จิตรจงสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการท่องเที่ยวฯ (ททท.) ด้านตลาดในประเทศ กล่าวหลังการรับนโยบายว่า… “แม้เคยส่งเสริมและพัฒนาตลาดต่อเนื่องมาตลอด แต่สำหรับปีใหม่ที่หยุดยาว ๕ วันก็ได้มอบสำนักงาน ๔๕ แห่งทั่วประเทศ ขับเคลื่อนชุมชนท้องถิ่นให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมรับนักท่องเที่ยวตามนโยบายดังกล่าว”ยกตัวอย่าง จังหวัดระยอง เมืองท่องเที่ยวหลักใกล้พัทยา “ฮับ” ท่องเที่ยว อีอีซี ตะวันออกวันที่ ๓๐-๓๑ ธันวาคมนี้ “ชุมชนบ้านอ่าวมะขามป้อม” ต.กร่ำ อ.แกลง มีประชากรราว ๑,๐๐๐ คน ๒๕๐ ครัวเรือน บนพื้นที่ ๕๐๐ ไร่ริมฝั่งทะเล“ที่นี่…เป็นโครงข่ายท่องเที่ยวเดียวกับอ่าวไข่หาดแม่พิมพ์ ซึ่งห่างกันแค่ ๔ กิโลเมตร และชุมชนปากน้ำประแสที่นักท่องเที่ยวกำลังสนใจ ปีใหม่คราวนี้คนที่นั่นต้องการแสดงศักยภาพจัดงาน…เคาต์ดาวน์บ้านอ่าวมะขามป้อมขึ้นในบ้านตนเอง”งานนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้บูรณาการร่วมกับชาวชุมชน มีสำนักงาน จ.ระยอง องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งระดับจังหวัดและตำบล บริษัทผู้ค้าน้ำมัน สมาคมประมงสุนทรภู่สนับสนุนtt ttวัชรพล สารสอนวัชรพล สารสอน ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระยอง ได้กล่าวสรุปวัตถุประสงค์ไว้น่าฟังด้วยว่า งานนี้เพื่อส่งเสริมท่องเที่ยวช่วงส่งท้ายปีเก่ารับปีใหม่ ตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยรวมของระยองนอกจากนี้ยังเชื่อมต่อมิติท่องเที่ยวกลุ่ม อีอีซี ตะวันออก แล้วยังขับเคลื่อนให้เกิดการเดินทางสู่วิถีประมงบ้านอ่าวมะขามป้อมตามยุทธศาสตร์หลักจังหวัด รวมถึงจัดการทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมให้สมดุล อีกทั้งสร้างทุนท่องเที่ยวให้ไปในทิศทางเดียวกันหากจะพูดถึงความพร้อม “ชุมชนที่ว่ามีเรื่องเล่าขานหลากหลาย เช่น ตำนานเสือผ่อนสลัดนามเขื่องทะเลภาคตะวันออกปี ๒๔๓๒ ซึ่งใช้เกาะมันในหน้าชุมชนเป็นรังโจร…สลัดร้ายคนนี้ปล้นเฉพาะเรือสำเภาสินค้า ได้ทรัพย์สินมาเท่าไรก็แบ่งคนจนกับทำบุญถวายวัด มีวิชาคงกระพันแต่ต้องจบชีวิตด้วยสมุนหักหลัง ยอมเป็นสายให้ตำรวจแลกกับโทษที่ติดตัว โดยใช้เมียแอบใส่ประจำเดือนในอาหารให้เสือผ่อนกิน ทำให้คาถาเสื่อมจึงถูกวิสามัญจนสิ้นลาย”สลัดรายนี้พื้นเพเป็นคนชุมชนแห่งนี้มีลูกหลานอยู่ถิ่นนี้ และมีปราชญ์พื้นบ้านรอบรู้เรื่องราวสามารถนำมาเล่าถ่ายทอดสู่นักท่องเที่ยวที่สนใจได้นอกจากนี้ “ชุมชนบ้านอ่าวมะขามป้อม” ยังเป็นแหล่งประมงพื้นบ้านชายฝั่งได้สินค้ามาป้อนตลาดเพและแกลงอีกทั้งยังมีจุดขายท่องเที่ยวทางทะเลคือท่าเรือนำเที่ยวสู่หมู่เกาะมันตรงหน้า ตามแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระยองต้องการชูแลนด์มาร์กใหม่เป็น “ซอฟต์พาวเวอร์” เพื่อโปรโมตสินค้าท่องเที่ยวต่อไปพลังชาวบ้านอ่าวมะขาวป้อมที่สร้างคอนเทนต์ ปลุกเทรนด์ใหม่รับสังคมยุคใหม่ด้วยแคมเปญ “ฟิน ฟีล ชิล ช็อป ชมพลุ ริมเล” ดูจะอลังการไม่แพ้โปรแกรมช้างเมืองใหญ่tt ttโหมดนี้ โสธร เทพนุเคราะห์ นายกสมาคมประมงสุนทรภู่ ทายาทรุ่นหลานเสือผ่อนหยิบแผนงานมาอธิบาย เล่าเสริมให้ฟังว่า “คอนเซปต์นี้เราจะเสนอรูปแบบวิถีประมงพื้นบ้านที่อยู่คู่ชุมชนมานาน โดยมีการสาธิตธนาคารปู เพื่อสื่อถึงคนรุ่นนี้รู้ว่าชุมชนแห่งนี้เคยมีปูชุกชุมมาก่อน จึงเปิดโอกาสให้คนมาเที่ยวได้ทำบุญปล่อยปูที่ริมฝั่งคืนสู่ทะเล หรือจะออกเรือไปปล่อยกลางทะเล เป็นการปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักท่องเที่ยวกับชุมชนโดยตระหนักถึงสภาพแวดล้อมในอดีต นอกจากนี้ยังมีบริการเรือนำเที่ยวแบบสนุกกับเกมไดหมึกยามค่ำคืน เป็นดราม่าจำลองวิถีประมงถิ่นนี้เป็นของแถมอีกต่างหาก”โสธรบอกอีกว่า การจัดงานที่ฉ่ำไปด้วยสาระและประโยชน์ที่ผู้มาเยือนจะได้รับยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังจะมีการชวนผู้สนใจไปร่วมกิจกรรมจิตอาสายังหมู่เกาะมัน ด้วยเรือประมงดัดแปลงที่เจ้าท่าให้การรับรองว่าปลอดภัยสถานีแรก…ทำบิ๊กคลีนนิ่งเก็บขยะที่เกาะมันใน และศึกษาศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลภายใต้โครงการพระราชดำริพระราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งมีทั้ง “เต่าตนุ” และ “เต่ามะเฟือง” ที่ใกล้สูญพันธุ์ จากนั้นไปฝึกดำน้ำแบบสคูบ้าหรือสนอร์เกิลลิ่งที่เกาะมันกลางและเกาะทะลุน่าสนใจว่าในภาพรวมการดีไซน์รูปแบบงานในครั้งนี้ เป็นการวางผังโดยนักออกแบบอีเวนต์มืออาชีพ มีการกำหนดโซนนิงเป็นซุ้มบุฟเฟต์ ได้ “เชฟมิว” สุดปังขิงโชว์ซาชิมิปลาจากอ่าวไทย อาทิ ปลากระต่ายขูด สร้อยนกเขาทะเล อีเปี๊ยะ อีกส่วนหนึ่งเป็นโซนจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปtt ttในภาค “กลางคืน” เป็นโปรแกรมบันเทิงจัดเวทีคอนเสิร์ต ระดมศิลปินร่วมร้องเพลงแบบชิลๆ โดยโสธรและทีมงานยืนยันไม่มีวัยรุ่นยกพวกตีกันเหมือนหน้าเวทีหมอลำงานวัดทั่วไป สุดท้ายนี้ก็มาถึง “ไฮไลต์เคาต์ดาวน์” จะอยู่ที่การจุดพลุเมื่อเวลา ๐๐.๐๐ น. คืนวันที่ ๓๑ ธันวาคม ต่อเนื่อง ๐๐.๐๑ น. เมื่อย่างเข้าสู่วันที่ ๑ มกราคม ลุปีมะโรง…งูใหญ่…เป็นอันสิ้นสุดงานท้าทายจากพลัง “ชาวบ้านอ่าวมะขามป้อม” ต.กร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง ที่ฉ่ำด้วยสาระในค่ำคืนเคาต์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ๒๕๖๗.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า ๑” เพิ่มเติม
เรื่องที่เกี่ยวข้อง