วันพุธ, 6 พฤศจิกายน 2567

“ภูมิธรรม” มองเป็นเรื่องดี ทำประชามติ ๒ ครั้ง-เพื่อไทย ยื่นแก้ รธน. ไม่เกี่ยวรัฐบาล

“รองนายกฯ ภูมิธรรม” แจง พรรคเพื่อไทย ยื่นแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๕๖ เป็นเรื่องของพรรคการเมือง ไม่เกี่ยวรัฐบาล ชี้ถ้าทำประชามติ ๒ ครั้งได้ถือเป็นเรื่องดี เพราะประหยัดงบถึง ๓ พันกว่าล้านบาทวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๗ เมื่อเวลา ๐๙.๒๐ น. ที่ศูนย์ประชุมคอซู้เจียง ศูนย์ราชการ จ.ระนอง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ ๖๐ กล่าวถึงการที่พรรคเพื่อไทยเสนอญัตติแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๕๖ ขณะที่รัฐบาลก็เตรียมแก้รัฐธรรมนูญเช่นกัน สรุปว่าจะยึดแนวทางใด ว่า การยื่นของพรรคเพื่อไทย เป็นเรื่องของพรรคการเมือง ก็ต้องไปว่ากันที่พรรคการเมือง ส่วนของรัฐบาลนั้น หลังจากกลับจากต่างประเทศ ก็ทราบว่าผลการศึกษาแนวทางประชามติตั้งอยู่ที่โต๊ะของตนแล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะนำเรื่องเสนอ ครม. ได้ไม่เกินปลายเดือน ก.พ. เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยหวังว่าการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดประเด็นขัดแย้ง เพื่อให้ประธานรัฐสภาเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าทำประชามติกี่ครั้ง ถือว่าเป็นความประสงค์ของรัฐบาลด้วยใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้ตั้งประเด็นให้เกิดความขัดแย้ง แต่ฝ่ายการเมืองมีความเป็นห่วงและรวมถึงรัฐบาลก็เป็นห่วงเช่นกันว่าจะทำประชามติให้ถูกต้องกี่ครั้ง เพราะมีหลายคนยืนยันว่าทำแค่ ๒ ครั้งก็พอ ถ้าได้ ๒ ครั้งจริงก็ประหยัดเงินไปได้ ๓,๐๐๐ กว่าล้าน แต่หากว่ามีหลักประกันว่าใช้เงินเพิ่มแล้วรัฐธรรมนูญผ่าน เราก็ยินดี แต่ถ้าประหยัดได้โดยศาลรัฐธรรมนูญระบุไว้ก็จะสามารถทำได้ แต่หากรัฐบาลไปถามกับศาลเองก็จะไม่มีคำตอบอะไร เพราะเหตุยังไม่เกิด ศาลอาจจะไม่รับวินิจฉัย แต่หากสภาฯ เสนอเข้าไป และมีการคุยกัน หากเกิดความขัดแย้ง เหตุมันเกิด ก็จะสามารถยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งก็ไม่ขัดอะไร แต่คณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติฯ ที่รัฐบาลตั้งขึ้น และหากศาลบอกทางประชามติเพียง ๒ ครั้ง เราก็จะไม่มีปัญหา แต่หากบอก ๓ ครั้ง ก็เป็นเรื่องที่เราเตรียมการไว้แล้ว หากจะติดก็คงจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายที่แพงขึ้น ๓ พันกว่าล้าน “เรื่องของพรรคเพื่อไทย ก็เป็นเรื่องของสภาฯ ว่าไป ขณะที่รัฐบาล หากพร้อมเมื่อไร ก็จะสามารถส่งร่างของรัฐบาลตามเข้าไป ถือว่าเป็นบทบาทที่แยกกัน เพราะนั่นคือหน้าที่ของสภาฯ ของพรรคการเมือง ซึ่งพรรคการเมืองจะมีความเห็นอย่างไรก็ว่าไป แต่ส่วนของรัฐบาล ก็จะเสนอในสิ่งที่รัฐบาลเห็นควรทำ เพราะได้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปแล้ว” นายภูมิธรรม กล่าว