วันพฤหัสบดี, 7 พฤศจิกายน 2567

“ภูมิธรรม” ยัน พท.แข็งแกร่ง ไม่ขึ้นกับใคร ย้อนถามพวกติงนายกฯ ๒ คนอคติ

“รองนายกฯ ภูมิธรรม” ถามปมกระแสวิจารณ์ อาจมีนายกฯ ๒ คน หลัง “ทักษิณ” พักโทษ ใช้ความจริงหรืออคติ ลั่น เพื่อไทยเข้มแข็งอยู่แล้ว ไม่ขึ้นกับใครคนใดคนหนึ่ง ซัดกลับคนบอกไม่ป่วยจริง ให้ลองอายุ ๖๐ ปี ขึ้นไปดูวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่านายกรัฐมนตรีของประเทศไทยมี ๒ คน หลังจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษออกมา ว่า นายกฯ มีคนเดียว คนที่พูดแบบนี้เขาย้อนอดีตมากเกินไป ผู้สื่อข่าวถามว่า การวิพากษ์วิจารณ์ นายทักษิณ จะมีผลอะไรต่อรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ระบบยุติธรรมในบ้านเราขณะนี้ยังดำรงอยู่ และพยายามปรับปรุงในสิ่งที่เป็นปัญหาและอุปสรรค ดังนั้นหากใครจะพูดถึงระบบยุติธรรมก็สามารถพูดได้นานแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าควรมองให้กว้างกันนิดหนึ่ง อย่าไปติดอยู่ที่กรณีใดกรณีหนึ่ง ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาที่ยังติดหล่มอยู่ จึงอยากให้พิจารณากันให้ถ่องแท้จริงๆ ว่าเรื่องทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่เป็นเรื่องจริง หรือเกิดจากอคติ หรือความรู้สึกบางส่วน เมื่อถามถึงกรณีหลายคนระบุว่าจะเข้าไปกราบ นายทักษิณ ส่วนตัวจะไปหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นธรรมดาของคนที่มีความรักความผูกพันกันก็อยากไปเยี่ยมเยียน เพราะ นายทักษิณ จากบ้านไป ๑๗ ปีแล้ว นายทักษิณ ตัดสินใจออกจากประเทศไทย เพราะกระบวนการยุติธรรมผิดจากระบบรัฐธรรมนูญ คือการมีรัฐประหาร มีการตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งเพื่อพิจารณาข้อกล่าวหาต่างๆ ๑๗ ปีผ่านมา นายทักษิณ อายุมากแล้ว ก็อยากกลับมาเยี่ยมครอบครัวและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมปกติ เมื่อ นายทักษิณ กลับไปบ้านนั่งอยู่ริมสระน้ำ ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะคนจากบ้านไป ๑๗ ปี เมื่อได้มีโอกาสกลับมาบ้านตัวเอง หลังจากที่ถูกอยู่ในสถานที่กักขังมา ฉะนั้นการออกมานั่งสูดอากาศข้างนอกเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับตนก็อยากไปเยี่ยม เพราะ นายทักษิณ เป็นคนที่เรารักและเคารพ ทำงานด้วยกันมานาน คงต้องปล่อยให้เป็นเวลาของท่านและครอบครัวจากแรงพลังรักของเขา และถ้ามีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมก็จะไป เมื่อถามว่า การที่ นายทักษิณ ออกมาทำให้พรรคเพื่อไทยเข้มแข็งขึ้นหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเข้มแข็งอยู่แล้ว บนฐานที่ทำงานเพื่อดูแลเอาใจใส่ประชาชน เราทำงานแข่งกับตัวเอง ความเข้มแข็งของพรรคเพื่อไทยไม่ได้ขึ้นอยู่กับใคร นอกจากใครที่กังวล ไม่สบายใจจากความเติบโตและเข้มแข็งของรัฐบาล ก็อาจจะกังวลหรือคับข้องหมองใจไปบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตจากสังคมว่า นายทักษิณ ไม่ได้ป่วยจริง นายภูมิธรรม ย้อนถามว่า ไม่ป่วยจริงได้ไง ที่ใส่เฝือกเพราะเส้นเอ็นไหล่ขาด ผมก็เคยมีประสบการณ์ตรงนี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการพลังงาน ก็เคยอยู่ในสภาวะนี้ คนที่มีอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป ใช้ชีวิตอยู่มานาน มันจะมีเส้นเอ็นที่ขาด อย่างของผมขาดยุ่ยไปหมดแล้ว ต้องผ่าตัด ต้องรักษาตัว ใส่ปลอกแขนห้อยอยู่ประมาณ ๖-๗ เดือน เมื่อหายแล้วก็ต้องระมัดระวังการใช้ชีวิตอยู่สักพักหนึ่ง คนเจ็บป่วยให้กำลังใจเขาบ้างเหอะ อย่าไปมองว่าเขาจะสร้างภาพ ถ้าคนวัยสัก ๑๐ ปีแล้วมาห้อยแขนแบบนี้ ใส่ต้นคอ แล้วค่อยบอกว่ามันผิดปกติ แต่คนอายุ ๗๐ ปีทำแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย” เมื่อถามว่า ประชาชนจะได้เห็น นายทักษิณ เข้ามาช่วยงานรัฐบาลในส่วนใดบ้างหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายทักษิณ ตัดสินใจชัดเจนแล้วว่าจะมาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว และเคยพูดไว้ชัดเจนว่าหากมีอะไรที่เป็นประโยชน์ ก็จะให้ความเห็นหรือเสนอแนะไป ซึ่งอยู่ที่ใครจะรับฟังหรือเอาไปเป็นประโยชน์ได้ เหมือนกับรัฐบาลนี้ที่จะทำดิจิทัลวอลเล็ต ก็มีความเห็นจากหลายฝ่ายเข้ามา รัฐบาลก็เงี่ยหูฟังความเห็นที่สะท้อนมา ส่วนจะใช้ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อเสนอนั้นสอดคล้องกับความเป็นจริงหรือไม่ ถือเป็นเรื่องธรรมดา และตนเห็นว่าในฐานะที่ นายทักษิณ เป็นคนที่มีประสบการณ์ อย่างน้อยสังคมไทยก็ยอมรับแล้วว่าในยุคสมัยของ นายทักษิณ สามารถแก้วิกฤติของประเทศได้หลายเรื่อง ทั้งไข้หวัดนก หรือวิกฤติเศรษฐกิจไอเอ็มเอฟ สามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จ ฉะนั้น ถ้าจะมีความเห็นจาก นายทักษิณ หากประเทศเกิดวิกฤติก็เป็นเรื่องธรรมดา ส่วนรัฐบาลจะใช้ได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับฝ่ายปฏิบัติที่จะไปปรับใช้เอาเอง อย่าไปกังวลใจเรื่องที่จะเสนอความเห็น และอย่าเอาไปผูกกับประเด็นทางการเมืองว่าเข้ามาแล้วจะมาครอบงำ จะมีนายกฯ ๒ คน หรือเป็นห่วงว่ามันจะเกิดปัญหาอย่างนั้นอย่างนี้ อย่าเป็นห่วงเลย อย่ากังวลใจ รัฐบาลตั้งใจจะทำงานให้ดี เมื่อถามว่า ในอดีต นายทักษิณ แก้ปัญหายาเสพติดได้ดี ครั้งนี้ระบาดหนัก จะขอความเห็นจาก นายทักษิณ หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอนนี้รัฐบาลกำลังทำงานและพยายามแก้ไขอยู่ ได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติแล้ว เพียงแต่ต้องยอมรับว่าการแก้ไขปัญหายาเสพติดมีหลายทัศนะความเห็น หากเลือกตัดสินใจเด็ดขาดจัดการให้หมด ก็จะมีความเห็นว่าผิดหลักสิทธิมนุษยธรรม สร้างปัญหา ทำลายสิทธิเสรีภาพของคน ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วทั้งในสมัยรัฐบาลของ นายทักษิณ ด้วย แต่ถ้าหากไปฟังส่วนนี้มากก็จะถูกบอกว่าไม่เด็ดขาด รัฐบาลต้องหาจุดสมดุลที่เหมาะสม ทำให้มันเด็ดขาดจึงสามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้ ขณะเดียวกัน ต้องระมัดระวังสิ่งแทรกซ้อนไม่ให้เกิดขึ้น เพราะในการจัดการยาเสพติด บางทีการจะมีการทำร้ายหรือเข่นฆ่ากัน ไม่ได้เกิดขึ้นจากรัฐบาลใช้อำนาจในการจัดการอย่างเดียว แต่มีทั้งการใช้อำนาจเพื่อตัดตอนผู้ค้ายาเสพติด และอีกหลายอย่าง ดังนั้น จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ในทางจิตใจเราชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องรีบจัดการ เพราะปัญหากระทบพี่น้องประชาชนอยู่ ในทางการปฏิบัติก็คงต้องระมัดระวังไม่ให้การจัดการที่เข้มงวดเด็ดขาดไปกระเทือนความรู้สึกของคน ว่าเราไปกระทบกับสิทธิเสรีภาพ “ท่านลองถามตัวเอง อยากให้จัดการเด็ดขาดหรือไม่ ถามว่าจะจัดการเด็ดขาดแบบไหน และถามว่าที่เขาบอกมาว่าต้องระมัดระวัง เคารพในความเป็นมนุษย์ จะจัดการให้สมดุลอย่างไร อันนี้ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องหาความสมดุลให้ได้” นายภูมิธรรม กล่าว