วันพฤหัสบดี, 7 พฤศจิกายน 2567

มติรวมไทยสร้างชาติ หนุนร่าง พระราชบัญญัติอากาศสะอาด จัดการแหล่งกำเนิดฝุ่น PM ๒.๕

พรรครวมไทยสร้างชาติ มีมติสนับสนุนร่าง พระราชบัญญัติอากาศสะอาด ฉบับของ ครม. ที่จะเสนอเข้าสภาฯ สัปดาห์นี้ ผลักดันให้มีกฎหมายจัดการกับแหล่งกำเนิดของฝุ่น PM ๒.๕ แก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๗ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ แถลงภายหลังการประชุมพรรค ว่า ที่ประชุมพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีมติร่วมกันให้สนับสนุนร่างพระราชบัญญัติการจัดการอากาศสะอาด ที่จะเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรสัปดาห์นี้ ซึ่งเสนอโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทางพรรคเห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องเร่งผ่านกฎหมายฉบับนี้ เพื่อให้ทุกหน่วยงานเข้ามาจัดการฝุ่น PM ๒.๕ ทำให้อากาศสะอาดให้กับประชาชนนายอัครเดช ระบุต่อไปว่า เดิมกฎหมายที่มีอยู่ไม่ครอบคลุมในการบูรณาการของหน่วยงานต่างๆ ในการจัดการกับปัญหาฝุ่น PM ๒.๕ เพราะมีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กฎหมายเดิมไม่ทันกับสถานการณ์ที่มีผลกระทบด้านอากาศต่อประชาชน การที่รัฐบาลเสนอกฎหมายฉบับนี้เข้าสภาฯ ทางพรรคจึงมีมติร่วมกันในการสนับสนุนร่าง พระราชบัญญัติการจัดการอากาศสะอาด เพื่อให้รัฐบาลมีประสิทธิภาพในการแก้ไขฝุ่น PM ๒.๕ ให้กับประชาชนtt ttทั้งนี้ กฎหมายถือเป็นเครื่องมือในการจัดการปัญหาของรัฐบาล เมื่อกฎหมายฉบับนี้ออกมา คิดว่าการจัดการฝุ่น PM ๒.๕ จะดีขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีเครื่องมือในการดำเนินการไปจัดการฝุ่น PM ๒.๕ จากแหล่งกำเนิดมลพิษมลภาวะทางยานยนต์ มลภาวะหรือฝุ่นที่ข้ามแดนมาจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงฝุ่นจากการเผาไร่นา หากมีกฎหมายฉบับนี้บังคับใช้การแก้ไขปัญหาก็จะมีประสิทธิภาพแน่นอน“ฝุ่น PM ๒.๕ มาจากหลายแหล่งกำเนิด ในแต่ละพื้นที่มีปัญหาฝุ่น PM ๒.๕ ไม่เหมือนกัน เช่น กทม. อาจจะมาจากการขนส่งเป็นผลมาจากไอเสียที่ปล่อยมาจากเครื่องยนต์ที่มีการสันดาป ในต่างจังหวัดมาจากการเผาไร่นา ในเขตอุตสาหกรรมมาจากโรงงานอุตสาหกรรม ในส่วนของชายแดนฝุ่นจะข้ามมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่เป็นควันจากไฟป่า ดังนั้นต้องมีหลายหน่วยงานเข้ามาดูแล จะให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเข้ามาจัดการไม่ได้ เพราะแหล่งกำเนิดที่เป็น PM ๒.๕ มาจากหลายแหล่ง จึงต้องอาศัยกฎหมายฉบับนี้บูรณาการจากหลายหน่วยงานมาจัดการให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด”.