“เศรษฐา” เดินหน้า “แจกเงินหมื่น” จ่อนำความเห็นกฤษฎีกาถกในวงดิจิทัลวอลเล็ต พร้อมรับฟังทุกฝ่าย ยันจะออกเป็น พระราชบัญญัติกู้เงิน นัด รัฐมนตรีช่วยว่าการคลัง-ผู้ว่าการแบงก์ชาติ จิบกาแฟหารือกันที่ห้อง เลขาฯกฤษฎีกายืนยันไม่มีคำว่า“ ไฟเขียว” ให้ยึดตาม พระราชบัญญัติวินัยการเงินฯ ถ้าทำตามข้อแนะนำถึงจะออกเป็น พ.ร.บ. หรือ พ.ร.ก. ปลอดภัยแน่นอน ชี้ช่องออกเป็น พ.ร.บ. ๓ วาระรวดไม่ได้ยากอะไร “จุรินทร์” จี้เปิดคำถาม-คำตอบ “สว.สถิตย์” แนะหารือคลัง-สศช.-ธปท. ร่วมนิยามคำว่า “วิกฤติ” คิดให้ดีกู้เงินทำหนี้สาธารณะพุ่ง “วันชัย” เชื่อ พระราชบัญญัติกู้เงินรอบนี้ฉลุย ชี้ล่าชื่อ ๘๔ สว.ขออภิปรายไม่ง่าย “สมชาย” ขู่เดินหน้าต่อได้เปลี่ยนตัวนายกฯ “ตวง” ฉะยืมมือศาล รธน.ปูทางลง เผย ๕๕ สว.แห่เข้าชื่อร่วมซักฟอก นายกฯถือฤกษ์ดี ๒๔ ม.ค. นอนทำเนียบฯ ป.ป.ช.เต้น ตำรวจใหญ่อ้างวิ่งคดีได้ นายกฯลั่นมีหลักฐานไม่เอาไว้แน่ “ปิยบุตร” จวก ตำรวจฟ้องคดีปลุกปั่นนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการคลัง ประกาศเดินหน้าโครงการแจกเงิน ๑ หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต หลังคณะกรรมการกฤษฎีกาส่งข้อเสนอแนะร่าง พระราชบัญญัติกู้เงิน ๕ แสนล้านบาท เตรียมนำเข้าหารือในคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน ๑ หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ก่อนส่งให้ คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบนายกฯมอบคำขวัญวันครูปี ๖๗เมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. วันที่ ๙ ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการ นำคณะเข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการคลัง ก่อนเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ ๑ เพื่อมอบดอกกล้วยไม้และชิปการ์ดในรูปแบบสมาร์ทการ์ด ประชาสัมพันธ์การจัดงานวันครู ครั้งที่ ๖๘ พ.ศ.๒๕๖๗ ภายใต้แนวคิด “ครูดีสอนดี ศิษย์ดีเรียนดี มีความสุข” นายเศรษฐากล่าวว่า วันที่ ๑๓ มกราคมจะไปเป็นประธานเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๖๗ ที่กระทรวงศึกษาธิการ และจะกลับมาร่วมกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติที่ทำเนียบรัฐบาลทั้งนี้ นายเศรษฐาทวีตผ่าน x เป็นคำขวัญวันครู เนื่องในโอกาสวันครู ครั้งที่ ๖๘ พ.ศ.๒๕๖๗ ว่า “ครู” คือผู้นำความรู้ทั้งจากในตำราและจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาถ่ายทอดให้กับศิษย์ คำว่าครูคือผู้สร้างและผู้ให้ “สร้าง” คือสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพให้กับสังคม “ให้” คือให้หลักคิดแก่ผู้คนเพื่อนำไปต่อยอดได้ ดังคำขวัญวันครูแด่ครูทุกท่านที่เสียสละดังนี้ “ครูวางฐานคิด ส่งเสริมศิษย์สร้างสรรค์”tt ttประกาศพร้อมแจง สว.ทุกเรื่องภายหลังประชุม ครม. นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมพร้อมกรณี สว.จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๓ ว่า อย่างที่เคยบอกไปตำแหน่งนายกฯเป็นตำแหน่งที่แบกความหวังของพี่น้องประชาชน ๖๘ ล้านคน มีความหนักใจทุกเรื่อง แต่ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว เมื่อฝ่ายนิติบัญญัติมีความข้องใจหรือมีเรื่องที่ต้องการให้เราตอบคำถาม รัฐบาลยืนยันว่ามีความพร้อม เมื่อถามย้ำว่า สว.ต้องการให้ชี้แจงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตและเรื่องการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายเศรษฐาตอบว่า “ก็ต้องตอบสิครับ ยื่นเรื่องอะไรมาก็ต้องตอบชัดเจน”กำชับ ยธ.ปม “ทักษิณ” ยึดกฎหมายผู้สื่อข่าวถามว่าครบ ๑๒๐ วันไปแล้ว กระทรวงยุติธรรมได้รายงานมาหรือไม่ว่านายทักษิณจะได้รับวีซ่าอยู่ต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ นายเศรษฐาตอบด้วยรอยยิ้มว่า ไม่แน่ใจว่าจะใช้คำว่าต่อวีซ่าถูกต้องหรือไม่ เรื่องนี้ต้องฟังกรมราชทัณฑ์ที่เสนอผ่านกระทรวงยุติธรรม แต่สั่งการชัดเจนแล้วว่าการกระทำทั้งหลายต้องมีความเสมอภาคเท่าเทียมและถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อถามว่าจะลดกระแสสังคมลงได้หรือไม่ นายกฯตอบว่า ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราว่ามีความเสมอภาค เท่าเทียม และมีความยุติธรรมหรือไม่ มั่นใจว่ากระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ทำถูกต้อง รวมถึงโรงพยาบาลตำรวจด้วย ส่วนกรณีที่คณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร จะขอขึ้นไปที่ชั้น ๑๔ รพ.ตำรวจ ในวันที่ ๑๒ มกราคมนั้น ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย เมื่อถามว่ากลุ่มที่เคยต่อต้านนายทักษิณเริ่มตั้งหลักได้ จะเป็นแรงบีบต่อรัฐบาลหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่มี และไม่เกี่ยวกันถกความเห็นกฤษฎีกาในวงดิจิทัลนายเศรษฐากล่าวอีกว่า คณะรัฐมนตรียังไม่มีการพิจารณากรณีคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นถึงร่าง พระราชบัญญัติกู้เงิน ๕ แสนล้านบาท เพื่อมาใช้ในโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต เพราะต้องเสนอผ่านคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน ๑ หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่ตนเป็นประธานก่อน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการคลัง กำลังดูเวลาอยู่ เมื่อถามว่าความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาส่วนหนึ่งพูดถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการกู้เงินที่ต้องเป็นไปตามระเบียบการเงินการคลัง นายเศรษฐาตอบว่า ต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกคน เมื่อถามว่ามองว่าความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกามีความชัดเจนหรือไม่ ว่าทำได้หรือไม่ได้ นายกฯตอบว่า อยากฟังความเห็นของทุกฝ่ายด้วย เพราะกฤษฎีกาบอกมาให้ฟังความเห็นของทุกๆฝ่าย ความเห็นนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ผู้เชี่ยวชาญ และคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตทุกคน ต้องให้ความสำคัญทุกเสียงไม่บอกทำได้-ไม่ได้อยู่ที่ดุลพินิจเมื่อถามว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ได้มีความชัดเจนว่าทำได้หรือไม่ได้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ได้บอกว่าทำได้หรือทำไม่ได้ เป็นเรื่องของดุลพินิจ และต้องรับฟังความคิดเห็น ถึงบอกว่าต้องมีการประชุมคณะกรรมการ เมื่อถามว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กดดันให้รัฐบาลเปิดคำถามและคำตอบของคณะกรรมการกฤษฎีกา นายเศรษฐาตอบว่า เมื่อถึงเวลาสมควรก็จะเปิดเผย ต้องประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตก่อน เพราะมีหลายฝ่ายร่วมอยู่ แล้วจะตอบเนื้อหาทีหลังลั่นเดินหน้าออกเป็น พระราชบัญญัติกู้เงินเมื่อถามว่ามั่นใจว่าเรื่องนี้เดินไปต่อได้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ไปต่อได้แน่นอน ชัดเจน เมื่อถามว่าจะทันเดือน พฤษภาคมนี้หรือไม่ นายกฯตอบว่า ณ เวลานี้ยังยืนยันตามไทม์ไลน์เดิม แต่ต้องขอประชุมก่อน ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมีข้อสงสัยหรือข้อเสนอแนะอะไรอีกหรือไม่ อย่างที่บอกนัยสำคัญของกฤษฎีกาคือต้องฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย และยืนยันถ้าออกก็ออกเป็น พ.ร.บ. เมื่อถามว่าความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ได้ทำให้เกิดความหนักใจอะไรใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ทุกเรื่องมีความหนักใจหมด เพราะต้องดูเรื่องของความถูกต้อง ความครบถ้วนในแง่ของการรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายเชิญผู้ว่าการ ธปท.จิบกาแฟหารือผู้สื่อข่าวถามว่าความเห็นที่แตกต่างของนายกฯ และนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่วนหนึ่งมองว่าอาจมีผลกระทบต่อนโยบายที่รัฐบาลดำเนินการหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า คนอยู่บ้านเดียวกันเห็นไม่ตรงกันก็หลายอย่าง เชื่อว่าอยู่ในสังคมเดียวกันหลายท่านมีจุดประสงค์เดียวกัน คืออยากให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนดีขึ้น แต่การปฏิบัติงานหรือนโยบายต่างๆมีความเห็นไม่ตรงกันบ้างเป็นธรรมดา แต่ต้องมีการพูดคุยกัน แน่นอนไม่ปฏิเสธว่าต้องเห็นตรงกันทุกเรื่อง แต่เชื่อว่าท่านก็เห็นตรงกับตนบางเรื่อง และตนก็เห็นตรงกับท่านบางเรื่อง เรื่องที่เห็นไม่ตรงกันต้องมาพูดคุยกัน และเหตุการณ์ก็เปลี่ยนไปเยอะ เป็นหน้าที่ต้องโน้มน้าวความคิดเห็นของท่านว่าเหตุการณ์มันเปลี่ยนไป ตรงนี้มองว่าเป็นการอยู่ร่วมกันเป็นธรรมดา ต้องพูดคุยกัน วันที่ ๑๐ ม.ค. เวลา ๑๓.๓๐ น. จะมีการพูดคุยกับ รัฐมนตรีช่วยว่าการคลัง และเชิญผู้ว่าการ ธปท. หารือพูดคุยกันหลายเรื่องที่สำคัญๆ นำข้อมูลมาหยิบยกกัน ซึ่งผู้ว่าการ ธปท.ก็ตอบรับต่อมาเวลา ๑๓.๓๐ น. นายกฯให้สัมภาษณ์อีกครั้ง กรณีเรียกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย มาพูดคุยหารือที่ทำเนียบรัฐบาลว่า “อย่าใช้คำว่าเรียกดีกว่า เป็นการเชิญท่านมาพูดคุยกัน เพราะคำพูดเล็กๆน้อยๆพวกนี้ อาจดูไม่ดี วันที่ ๑๐ มกราคมเชิญมาพูดคุยกันธรรมดา กินกาแฟกันที่ห้องทำงาน”tt ttปกรณ์ นิลประพันธ์กฤษฎีกายืนยันไม่มีคำว่าไฟเขียวขณะที่นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ส่งคำตอบเรื่องการออก พระราชบัญญัติกู้เงิน ๕ แสนล้านบาทเพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ๑ หมื่นบาท มาให้รัฐบาลแล้ว ส่วนรายละเอียดคงต้องไปเข้าคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องลับอาจต้องนำไปให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ชี้แจงในรายละเอียด แต่ไม่มีคำว่าไฟเขียว เมื่อถามว่าคำตอบของคณะกรรมการกฤษฎีกาตอบในแง่ของข้อกฎหมายใช่หรือไม่ นายปกรณ์ตอบว่า ตอบเป็นข้อกฎหมายอย่างเดียว เงื่อนไขตามกฎหมายที่กำหนดไว้ใน พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังมาตรา ๕๓ มีอะไรบ้าง ในเงื่อนไขนั้นจะบอกว่าเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ต้องแก้ไขปัญหาต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขวิกฤติประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมาดูกันว่ามันเข้าเงื่อนไขนั้นหรือไม่ ในฐานะนักกฎหมายคงตอบได้เพียงเท่านั้น หาก จะถามว่าออกเป็นกฎหมายได้หรือไม่ มาตรา ๕๓ ระบุแล้วว่าให้ออกเป็นกฎหมายได้ ส่วนจะเป็น พ.ร.บ. หรือ พ.ร.ก.ก็แล้วแต่ มีเพียงเท่านี้ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้ทำตามข้อแนะนำไม่มีสะดุดแน่เมื่อถามว่าข้อเสนอแนะที่ให้ไปมีอะไรบ้าง นายปกรณ์ตอบว่า ไม่มีอะไรเลย เป็นการอธิบายถึงมาตรา ๕๓ และบอกว่าคงต้องรับฟังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีข้อมูลเชิงประจักษ์ยืนยันได้เท่านั้นเอง เมื่อถามย้ำว่าไม่ได้ชี้ว่ารัฐบาลควรทำอะไรหรือไม่ทำอะไรใช่หรือไม่ นายปกรณ์ตอบว่า ตนเป็นนักกฎหมาย ชี้ไม่ได้ เรื่องนี้ต้องอาศัยตัวเลขที่เป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เมื่อถามว่าความเห็นของกฤษฎีกาสามารถรับประกันได้หรือไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไรที่ไม่ผิดกฎหมาย นายปกรณ์ตอบว่า อันนี้ไม่รู้ เมื่อถามย้ำว่าสามารถใช้อ้างอิงได้หรือไม่ นายปกรณ์ตอบว่า สามารถใช้อ้างอิงได้ เพราะเรายืนตามมาตรา ๕๓ มาตรา ๖ มาตรา ๗ และมาตรา ๙ ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ตอบอย่างนั้นเป๊ะ เมื่อถามว่าการันตีได้หรือไม่ว่าถ้ารัฐบาลทำตามคำแนะนำของกฤษฎีกาแล้วจะปลอดภัย นายปกรณ์ตอบว่า “อ๋อ ถ้าทำตามผมปลอดภัยแน่นอนครับ”ชี้ช่องออก พระราชบัญญัติ๓ วาระรวดได้เมื่อถามว่าหากมีปัญหารัฐบาลสามารถอ้างอิงความเห็นของกฤษฎีกาเป็นเกราะป้องกันตัวเองได้หรือไม่ เลขาฯกฤษฎีกาตอบว่า ถ้าเป็นไปตามเงื่อนไขทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามถึงกรณีรัฐบาลอ้างเรื่องจีดีพีโตไม่ทัน ให้ความเห็นไปอย่างไร นายปกรณ์ตอบว่า เป็นนักกฎหมายให้ความเห็นไม่ได้ เมื่อถามว่าการที่ระบุว่าอยู่ในช่วงภาวะวิกฤติ แต่จะมีการตราเป็น พ.ร.บ. มันย้อนแย้งกันหรือไม่ นายปกรณ์ตอบว่า ไม่เป็นอะไรเลย ความจริงแล้ว พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง เพียงแต่บอกว่าให้กู้ได้โดยตราเป็นกฎหมาย ทีนี้กฎหมายก็จะมีทั้ง พ.ร.บ. และพ.ร.ก. เดิมที่ผ่านมาเป็น พ.ร.ก. ก็เป็นเหตุผลหนึ่ง แต่เป็น พระราชบัญญัติถามว่าทำได้หรือไม่ ก็ทำได้ ๓ วาระรวดก็เคยมีมาแล้ว ไม่ได้ยากอะไรออก พ.ร.บ.-พ.ร.ก.ปลอดภัยทั้งคู่เมื่อถามว่าการออกเป็น พ.ร.บ. หรือ พ.ร.ก. แบบไหนมีความเสี่ยงน้อยกว่ากัน หรือปลอดภัยกว่ากัน นายปกรณ์ตอบว่า ถ้าเรียกว่าปลอดภัยก็ปลอดภัยทั้งคู่ ถ้าถูกเงื่อนไขมันก็ปลอดภัยหมด แค่นั้นเอง เมื่อถามว่านายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการคลัง ระบุว่ากฤษฎีกาไฟเขียว ใช้คำนี้ไม่ได้ใช่หรือไม่ นายปกรณ์ตอบว่า “ผมเข้าใจว่ารัฐมนตรีช่วย (นายจุลพันธ์) ไม่ได้ใช้คำว่าไฟเขียวนะ เพราะผมเองก็ไม่ใช่ตำรวจจราจร แต่ถ้าเป็นไปตามเงื่อนไขก็ทำได้ ไม่เป็นปัญหาอะไร ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงในเชิงประจักษ์ว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือเปล่า” ไม่ห่วงอะไรเลย เพราะจริงๆแล้วรัฐบาลทำอะไร ทุกรัฐบาลไม่ใช่เฉพาะรัฐบาลนี้ ต้องอยู่บนพื้นฐานข้อมูล ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายที่ถูกต้อง เชื่อมั่นว่าทุกคนคงยืนอยู่บนข้อเท็จจริงเหล่านี้เหมือนกัน เมื่อถามว่ามีคำถามเพิ่มเติมจาก คณะรัฐมนตรีหรือไม่ว่า วิกฤติหรือไม่วิกฤติ นายปกรณ์ตอบว่า ไม่มีคำถามนี้ แค่ถามว่าออกเป็น พระราชบัญญัติได้หรือไม่ แค่นั้นเองtt ttจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์“จุรินทร์” จี้เปิดคำถาม–คำตอบที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลควรเปิดเผยคำถามและคำตอบ ที่สอบถามกรรมการกฤษฎีกา ไม่ควรเก็บเป็นความลับ เพราะเป็นการสร้างหนี้ก้อนใหญ่ถึง ๕ แสนล้านบาท คนไทยทั้งประเทศควรมีสิทธิรับรู้ และไม่ว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาจะตอบว่าอย่างไร กฤษฎีกาก็ยังเป็นแค่ที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล แต่การตัดสินใจเป็นของรัฐบาล เพราะฉะนั้นถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น ไม่ว่าจะในทางเศรษฐกิจ หรือในทางกฎหมายตามมา รัฐบาลนี้ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้ตัดสินใจ และในฐานะเจ้าของนโยบาย อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าท้ายที่สุดแล้วรัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร จะยังยืนยันที่จะเสนอ พระราชบัญญัติกู้เงิน ๕ แสนล้านบาทอยู่หรือไม่ หมายความว่ารัฐบาลจะตัดสินใจไปเสี่ยงเอาดาบหน้าหรือไม่ย้ำ ๗ ปมที่ รบ.ต้องเคลียร์สังคม“มีอย่างน้อย ๗ ปมที่รัฐบาลต้องพิจารณาโดยรอบคอบ ทั้งในข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริงในทางเศรษฐกิจ คือ ๑.มีความจำเป็นหรือไม่ อย่างไร ๒.มีความเร่งด่วนหรือไม่ อย่างไร ๓.มีความต่อเนื่องหรือไม่ ๔.เป็นวิกฤติหรือไม่ ๕.ไม่สามารถตั้งเงินก้อนนี้ไว้ในงบประมาณประจำปีได้ทัน ใช่หรือไม่ ๖.โครงการนี้มีความคุ้มค่าหรือไม่ และ ๗.ได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนโดยรอบด้านแล้วใช่หรือไม่ อย่างไร” นายจุรินทร์กล่าวแนะหารือ ๓ หน่วยนิยาม “วิกฤติ”ด้านนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ สว. กล่าวถึงกรณีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการคลัง ระบุคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นการออก พระราชบัญญัติกู้เงิน ๕ แสนล้านบาทเพื่อมาดำเนินการโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ๑ หมื่นบาท สามารถทำได้ว่า สิ่งที่คณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่าออก พระราชบัญญัติกู้เงินได้นั้น ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข พระราชบัญญัติการเงินการคลังมาตรา ๕๓ ที่เกี่ยวกับวิกฤติประเทศ และมาตรา ๕๗ เรื่องความคุ้มค่าการดำเนินการ คำว่าวิกฤติ ต้องเป็นกรณีเศรษฐกิจถดถอยชัดเจนยาวนาน ประเทศเผชิญความยากลำบาก มีความรุนแรง ระยะเวลาการชะลอตัวที่ยาวนาน สร้างผลกระทบวงกว้างในภาคส่วนต่างๆ และมีปัญหาความไม่มั่นคงทางการเงิน เช่น ความล้มเหลวของธนาคาร หรือราคาสินทรัพย์ลดลงอย่างรวดเร็ว แต่บางคนอาจมองแค่การชะลอเศรษฐกิจหลายไตรมาสติดต่อกัน ถ้าติดลบถือว่าวิกฤติ จึงอยู่ที่คำนิยามจะเป็นอย่างไร ทางที่ดีรัฐบาลควรเรียกประชุมหน่วยงานเศรษฐกิจ การคลัง สศช. ธปท. มาหารือตกลงนิยามว่าวิกฤติหรือยัง ถ้ายังไม่ชัดเจนสุ่มเสี่ยงเกิดการโต้แย้งทางคดีมากมาย เป็นความเสี่ยงต่อผู้ปฏิบัติงานในปัจจุบันและอนาคตคิดให้ดีกู้เงินทำหนี้สาธารณะพุ่งนายสถิตย์กล่าวว่า ส่วนเรื่องความคุ้มค่าต้องดูผลกระทบต่อหนี้สาธารณะมากน้อยเพียงใด มีการคาดการณ์เศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ ๓.๒ ตามที่ ธปท.คาดการณ์ว่าหากเติมเงิน ๕ แสนล้านบาท เศรษฐกิจอาจขยายตัวได้ถึงร้อยละ ๓.๘ แปลว่ามีการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๖ แต่ต้องประเมินสถานะหนี้สาธารณะประเทศ ขณะนี้อยู่ที่ร้อยละ ๖๒.๔ หากกู้เงินอีก ๕ แสนล้านบาท จะส่งผลต่อหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๖๔-๖๕ รัฐบาลต้องเทียบว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจโตขึ้น ๐.๖ จะคุ้มค่ากับหนี้สาธารณะที่ขยับตัวขึ้นหรือไม่ เมื่อถามว่ารัฐบาลควรทบทวนการออก พระราชบัญญัติกู้เงิน ๕ แสนล้านบาทหรือไม่ นายสถิตย์ตอบว่า พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังระบุชัดเจนว่ากรณีที่ไม่สามารถดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยงบประมาณที่มีอยู่ได้ สามารถออกเป็น พระราชบัญญัติเงินกู้ได้ ในส่วนนี้จะเติมเงิน ๕ แสนล้านบาทเข้าระบบเศรษฐกิจ ส่งผลให้เศรษฐกิจโตขึ้นร้อยละ ๓.๒ แต่หากใช้งบประมาณประจำปีปกติ จะไม่ส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจเชื่อล่าชื่อ ๘๔ สว.ซักฟอกไม่ง่ายที่รัฐสภา นายวันชัย สอนศิริ สว. รองประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวถึงกรณี กมธ.พัฒนาการเมืองฯจะล่ารายชื่อ สว. ๘๔ คน เพื่อยื่นอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๓ ว่า เท่าที่ดูบรรยากาศยังไม่เปรี้ยงปร้าง การรวบรวม สว. ๘๔ เสียงไม่ใช่เรื่องง่าย สว.กลุ่มใหญ่ที่คุมเสียงมาจากทหาร เท่าที่ดูยังไม่เห็นมีท่าทีขยับอะไร หากทหารไม่ขับเคลื่อนก็ยาก จากประสบการณ์ ถ้ากลุ่มใดมีอำนาจกระแสการเมืองจะไปทางนั้น สว.บางคนบอกกำลังจะหมดหน้าที่ ไม่ควรมีการอภิปราย จะไปหาเรื่องทำไม กำลังจะกลับบ้านกันอยู่แล้ว ประเด็นที่ขออภิปรายก็ยังไม่มีพลังเพียงพอ ดิจิทัลวอลเล็ตยังไม่รู้จะได้ใช้หรือไม่ เป็นเรื่องกล่าวหากันไป เชื่อว่าในชั้นสภาผู้แทนราษฎรน่าจะผ่านทั้ง ๓ วาระ หากมาถึงชั้นวุฒิสภาอาจมีบางคนไม่เห็นด้วย แต่ยังเชื่อว่าคงผ่านไปได้ และหากเรื่องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญคงไม่มีปัญหาอะไร เพราะผ่านกระบวนการต่างๆมาแล้ว รัฐบาลคงไม่ทำเหมือนโครงการจำนำข้าวที่ประกาศแล้วทำเลย แต่ครั้งนี้ออกเป็น พระราชบัญญัติไม่น่าสะดุดtt ttสมชาย แสวงการขู่เดินหน้าต่อได้เปลี่ยนนายกฯนายสมชาย แสวงการ สว. กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลอ่านความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ดี หากตีความว่าทำได้ถือเป็นความเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย ถ้าเดินหน้าเรื่องนี้ปลายทางต้องถูกส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้รัฐบาลยุติโครงการ ทางออกตอนนี้ควรขอโทษประชาชน ยกเลิกโครงการ หากเดินหน้าทำต่อ มีสิทธิที่นายกฯอาจถูกเปลี่ยนตัวได้ ฝากเป็นครั้งสุดท้ายว่าจากเงื่อนไขคณะกรรมการกฤษฎีกา จะเห็นว่า รัฐบาลทำได้ยากมาก อย่ามาใช้ช่องสภาฯ วุฒิสภา หรือศาลรัฐธรรมนูญคว่ำ ควรหยุดและแถลงขอโทษแฟนคลับ เมื่อถามว่าหากไม่ได้ทำโครงการนี้นายกฯต้องรับผิดชอบทางการเมืองหรือไม่ นายสมชายตอบว่า นโยบายหาเสียงหลายเรื่องทำไม่ได้ ทั้งค่าแรง ๔๐๐ บาท เรือดำน้ำ เรื่องดิจิทัลวอลเล็ตเป็นนโยบายพรรคร่วมรัฐบาล ที่ คณะรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบร่วมกัน การรับผิดชอบเป็นเรื่องการเมือง ไม่ถึงต้องลาออก แค่ขอโทษประชาชนจะเข้าใจฉะยืมมือศาล รธน.เป็นทางลงนายตวง อันทะไชย สว. กล่าวว่า ที่ผ่านมาการออก พระราชบัญญัติกู้เงินลักษณะนี้ไม่เคยประสบความสำเร็จ ตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สุดท้ายเรื่องไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าการออก พระราชบัญญัติกู้เงิน ๕ แสนล้านบาท ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน น่าจะไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ สิ่งที่รัฐบาลต้องอธิบายคือประเทศไทยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจอย่างไร นายกฯไปเดินสายเชิญชวนทั่วโลกมาลงทุน แต่มาบอกคนในประเทศว่าเรากำลังวิกฤติ ฝากไปยังรัฐบาลให้ยอมรับความจริงและทบทวน หากรัฐบาลนายเศรษฐาจะเดินหน้าต่อ เรื่องจะไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ คำตอบก็รู้อยู่แล้ว รัฐบาลอาจรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นเรื่องยาก จึงอาจใช้เป็นทางลงอย่างมีศักดิ์ศรีและสง่างาม๕๕ สว.แห่เข้าชื่อซักฟอกรัฐบาลผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการรวบรวมรายชื่อ สว. ของคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ ให้ครบ ๑ ใน ๓ หรือ ๘๔ คน เพื่อยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๓ เป็นวันแรก มี สว.มาลงชื่อแล้ว ๕๕ คน มีทั้ง สว.สายพลเรือนและทหาร มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธาน กมธ.พัฒนาการเมืองฯ และนายจเด็จ อินสว่าง สว. เป็นแกนนำล่าชื่อ โดยสาระสำคัญในญัตติระบุว่า รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง แถลงนโยบายต่อรัฐสภามา ๔ เดือน แต่ไม่ได้แก้ปัญหาสำคัญตามนโยบายที่แถลง ดังนี้ ๑.ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องประชาชน อาทิ การแก้ปัญหาความยากจน ๒.ปัญหากระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย อาทิ การปฏิบัติต่อผู้ต้องขังตามคำพิพากษาที่สะท้อนกระบวนการยุติธรรม ๒ มาตรฐาน ๓.ปัญหาด้านพลังงาน ๔.ปัญหาการศึกษาและสังคม ๕.ปัญหาต่างประเทศและท่องเที่ยว ๖.ปัญหาแก้รัฐธรรมนูญ ๗.ปัญหาปฏิรูปประเทศ ปัญหาเหล่านี้เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินเร่งด่วน ที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาทันที“ท็อป” ตั้งเงื่อนไขตามกฤษฎีกานายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ยังไม่ได้อ่านรายละเอียดข้อเสนอแนะที่กฤษฎีกาส่งมาให้รัฐบาล ว่ามีอะไรบ้าง ต้องรอคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตพิจารณาก่อนที่ คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาว่ามีแนวทางดำเนินการอย่างไร เมื่อถามว่าพรรคร่วมจะให้ผ่าน พระราชบัญญัติเงินกู้หรือไม่ นายวราวุธตอบว่า หากตรงตามเงื่อนไข ทุกพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีใครปฏิเสธ นโยบายที่รัฐบาลนำเสนอไม่ว่าจะเป็นของพรรคใด ล้วนเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เรายินดีสนับสนุน เพียงแต่อยากให้ดูเงื่อนไขให้ครบตามที่กฤษฎีกาแนะนำมา“สุวัจน์” หนุน พท.ดัน “อิ๊ง” นายกฯนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) กล่าวว่า ตามที่สภามีมติเห็นชอบร่าง พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๗ วงเงินกว่า ๓.๔๘ ล้านล้านบาทในวาระแรก เป็นบรรยากาศที่ดี จะได้นำเงินไปใช้จ่ายเพื่อพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะการสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐาน กระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อถามว่าหากมีการตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง เป็นนายกฯแทน นายเศรษฐา ทวีสิน นายสุวัจน์ตอบว่า คุณสมบัติของ น.ส.แพทองธารเป็นแคนดิเดตนายกฯอยู่แล้ว และเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย ด้วยคุณสมบัติ และประสบการณ์ต่างๆสามารถเป็นนายกฯได้อยู่แล้ว ชพก.พร้อมสนับสนุนพรรคเพื่อไทยอยู่แล้วtt ttสมศักดิ์ เทพสุทิน“สมศักดิ์” ปัดกดดัน รัฐมนตรีคนอื่นนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จะเป็นบรรทัดฐานให้รัฐมนตรีคนอื่นในพรรคต้องลาออกตามหรือไม่ว่า ไม่ใช่ เคยมีรัฐมนตรีลาออกจาก สส. เพราะมีงานมากขึ้น ไม่สามารถรับงานได้ทั้งหมด ทั้งงานสภาผู้แทนราษฎร และรัฐมนตรี ทำให้เสียหายต่อส่วนรวม คิดมาตลอดเราต้องเสียสละตรงนี้ เพื่อให้บัญชีรายชื่อคนอื่นขยับขึ้นมาแทน เมื่อถามว่าไม่กลัวจะขาลอย หรือมีใครการันตีว่าจะได้เป็นรัฐมนตรี ๔ ปีหรือไม่ นายสมศักดิ์หัวเราะก่อนตอบว่า เป็นคำถามที่ดี ไม่มีใครการันตีให้ แต่กลัวว่างานจะเสีย ตัดสินใจเพื่อส่วนรวมจริงๆ คนที่จะเข้ามาทำหน้าที่ สส.ลำดับถัดไปเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่เกี่ยวว่าจะไปสร้างแรงกดดันให้รัฐมนตรีคนอื่น ส่วนใครจะมองว่าเป็นเรื่องขาลอย หรือเป็นการนั่งเก้าอี้นานๆ ก็เลือกเอาแล้วแต่คนจะมองสั่ง กระทรวงมหาดไทยให้สิทธิคนไทยใช้น้ำ-ไฟอีกเรื่อง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง กล่าวว่า เรื่องระบบสาธารณูปโภคของประชาชนที่ยังไม่มีมิเตอร์ไฟฟ้า และมิเตอร์ประปา เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานทุกจังหวัด ให้กระทรวงมหาดไทย โดยการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การประปานครหลวง (กปน.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) จะแก้ไขระเบียบใช้ไฟฟ้าและน้ำประปา ให้กับผู้มีทะเบียนบ้านชั่วคราว ขอใช้น้ำปะปาได้เช่นเดียวกับผู้ที่มีทะเบียนบ้านปกติในอัตราปกติ บางพื้นที่ที่มีปัญหาก็ให้พิสูจน์สิทธิ์กันไปก่อน โดยให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ผ่อนผันการปฏิบัติตามมติ คณะรัฐมนตรีวันที่ ๘ เมษายน๔๖ โดยเร่งด่วน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมตามสิทธิมนุษยชนถือฤกษ์ดี ๒๔ มกราคมนอนทำเนียบฯนายเศรษฐากล่าวถึงกำหนดการเข้านอนพักค้างในทำเนียบรัฐบาลว่า วันแรกที่จะนอนทำเนียบฯคือวันที่ ๒๔ มกราคมเป็นวันฤกษ์ดี และไม่ได้เดินทาง เพราะวันที่ ๑๔-๑๙ มกราคมมีภารกิจเดินทางไปร่วมประชุมดาวอส ที่สมาพันธรัฐสวิส และวันที่ ๑๙-๒๑ มกราคมมีภารกิจที่ จ.เชียงใหม่ จึงเลือกวันที่ ๒๔ มกราคมเป็นวันที่ฤกษ์ดี วันรุ่งขึ้นทำงานต่อ เมื่อถามว่าจะพักค้างคืนต่อเนื่องยาวเลยหรือไม่ นายกฯยิ้มก่อนตอบว่า “ไม่ครับ ไม่แน่นอน” เมื่อถามถึงงานวันเด็กของทำเนียบรัฐบาลจะนำไดโนเสาร์มาจัดแสดงเหมือนทุกปีหรือไม่ นายเศรษฐาหัวเราะก่อนตอบว่า ไม่มี ไดโนเสาร์สูญพันธุ์หมดแล้ว สำหรับการประชุม คณะรัฐมนตรีสัญจร ครั้งที่ ๒ จ.ระนอง เพื่อเพิ่มศักยภาพจังหวัดที่อยู่ชายฝั่งทะเลอันดามัน รวมถึงไปดูโครงการแลนด์บริดจ์ และแหล่งท่องเที่ยวใหม่เพื่อยกระดับเศรษฐกิจภาคใต้“สุทิน” ยันโชว์ปืนรถถังแค่วันเด็กนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกลาโหม กล่าวถึงการจัดงานวันเด็กของกระทรวงกลาโหมว่า มีการเปิดค่ายทหารเป็นปกติ มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่งขอยุทโธปกรณ์ไปโชว์ให้เด็กดู เช่น รถถัง และปืน เราพิจารณาตามระเบียบ เมื่อถามว่ากลาโหมถูกโจมตีตลอดให้เด็กถือปืน เอารถถังออกมาส่งเสริมความรุนแรง นายสุทินตอบว่า อะไรที่เด็กอยากเรียนรู้ อยากเห็นเรานำมาให้ดู เราให้ความสำคัญกับเขา เด็กเป็นศูนย์กลาง แค่วันเดียว ถือเป็นการให้รางวัลเขา เรื่องที่มองว่าส่งเสริมความรุนแรงนั้นไม่ใช่ดูรถถัง จับปืนแล้วจบ เรื่องความคิดค่านิยม ที่ครูเป็นคนสอน สามารถสอนกล่อมเกลาได้ วันเด็กเราให้หลายอย่างสร้างสำนึกที่ดีให้กับเด็ก“ปานปรีย์” รอถกจีนยกเว้นวีซ่าไทยนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและ รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง ระบุคนไทยจะสามารถเดินทางเข้าประเทศจีนได้โดยไม่ต้องทำวีซ่าตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม๒๕๖๗ เป็นต้นไปว่า กำลังรอวันที่รัฐมนตรีของจีนสะดวกเพื่อจะได้หารือ คาดว่าคงอีกไม่นานนี้ น่าจะทันในวันที่ ๑ มี.ค. ตามที่นายกฯประกาศไว้“ทวี” ยังติ๊ดชึ่งปม “ทักษิณ” แอดมิตพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นักโทษคดีทุจริต พักรักษาตัวใน รพ.ตำรวจ เกิน ๑๒๐ วันว่า อธิบดีกรมราชทัณฑ์จะส่งเรื่องนายทักษิณให้รับทราบภายในสัปดาห์นี้ ส่วนเหตุผลที่ล่าช้าเนื่องจากเป็นกระบวนการที่ต้องร่วมกับแพทย์ประชุมเรื่องอาการป่วย แต่รายละเอียดขอให้เห็นเอกสารก่อน และทางกรมราชทัณฑ์จะชี้แจงด้วยตามกฎหมายแม้ตนเป็นเพียงแค่ผู้รับทราบ แต่จะขอดูรายละเอียดของเรื่องด้วย เพราะว่าการตัดสินใจทั้งหมดอยู่ในอำนาจของอธิบดีกรมราชทัณฑ์คปท.กัดไม่ปล่อยขู่สอย ป.ป.ช.ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล และนายนัสเซอร์ ยีหมะ หารือกับนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กรณีนายทักษิณเข้ารักษาตัวใน รพ.ตำรวจโดยไม่ต้องอยู่เรือนจำ นายพิชิตกล่าวว่า คปท. และคณะบุคคลต่างๆ ไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ แต่กลับไม่มีความคืบหน้า ในวันที่ ๑๖ มกราคมจะไปทวงถาม ป.ป.ช.อีกครั้ง ถ้ายังไม่ทำอะไรจะเสนอเรื่องต่อสมาชิกรัฐสภา รวบรวมรายชื่อ สส.-สว.๑ ใน ๕ หรือ ๑๕๐ คน ตั้งเรื่องถึงประธานรัฐสภา และประธานศาลฎีกา ตั้งคณะกรรมการไต่สวนการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. และเชิญชวนประชาชนร่วมลงชื่อทางออนไลน์ ๒ หมื่นชื่อ นำเสนอต่อประธานรัฐสภาและประธานศาลฎีกาอีกช่องทาง ส่วนวันที่ ๑๒-๑๔ ม.ค. คปท.นัดชุมนุมที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐป.ป.ช.เต้น ตำรวจใหญ่อ้างวิ่งคดีได้อีกเรื่อง นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์กรณีมีคลิปเสียงหลุดของนายตำรวจยศใหญ่ อ้างสามารถเคลียร์คดีใหญ่ๆ ใน ป.ป.ช.ได้ว่า ตามกฎหมายกำหนดว่า มีกรรมการ ป.ป.ช. ๙ คน ปัจจุบันมี ๖ คน ไม่ทราบว่าเป็นใครไม่รู้วิ่งเคลียร์กับใคร แต่ยืนยันการทำงานของ ป.ป.ช.อยู่ที่ข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐาน ไม่มีกรรมการ ป.ป.ช.คนไหนกล้าวินิจฉัยในทางมิชอบ เพราะทุกวันนี้มีบางคนขอเปิดเผยผลการสอบสวนต่อสาธารณะ ประชาชนตรวจสอบได้อยู่แล้ว กรรมการ ป.ป.ช. อาจรู้จักคนเยอะ แต่ที่บอกว่าวิ่งเต้นล้มคดี เป็นไปไม่ได้นายกฯลั่นมีหลักฐานไม่เอาไว้แน่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องสำคัญ ต้องเริ่มจากหลักคุณธรรม หากมีหลักฐานอะไรก็นำมาเสนอ มั่นใจว่ารัฐบาลจะไม่ปล่อยเรื่องเหล่านี้ออกไป มั่นใจในความเป็นอิสระขององค์กรอิสระ แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายว่าเป็นเสียงของนายตำรวจใหญ่จริงหรือไม่ สืบทราบได้หรือเปล่าว่าเป็นใคร หากเป็นเรื่องที่พอจะมีหลักฐานที่จะนำไปขยายผลต่อได้ ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ยืนยันรัฐบาลยึดหลักตามนิติธรรม และความเสมอภาค เท่าเทียม รวมถึงความถูกต้อง และสิทธิมนุษยชนของทุกๆคนครม.ไฟเขียวร่าง พระราชบัญญัติอากาศฯนายเศรษฐากล่าวอีกว่า ที่ประชุม คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบร่าง พระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด เพื่อเสนอที่ประชุมสภาฯหลังรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว เป็นไปตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา และถือเป็นวาระแห่งชาติ โดยเฉพาะเรื่อง PM ๒.๕ ที่กระทบต่อสุขภาพ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนควรได้รับ โดยในวันที่ ๑๑-๑๒ มกราคมจะเดินทางไป จ.เชียงใหม่ เพื่อดูเรื่องนี้ด้วย ยืนยันว่าจะทำทุกมาตรการเร่งสร้างอากาศสะอาด สภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี ความปลอดภัยต่อสุขภาพประชาชนโวยนายกฯเมิน ก.ม.ฝุ่นก้าวไกลนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงร่าง พระราชบัญญัติอากาศสะอาด ที่จะเข้าสู่สภาฯทั้ง ๗ ฉบับว่า ทุกร่างเป็นร่างเกี่ยวข้องกับการเงิน ดังนั้นนายกฯต้องเซ็นรับรอง แต่หนึ่งในนั้นมีร่างของพรรค ก.ก. ที่วิปรัฐบาลบอกว่านายกฯไม่เซ็นรับรองให้ โดยอ้างคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นว่าร่างของพรรค ก.ก.มีหลักการต่างจากร่างอื่น“ปิยบุตร” จวก ตำรวจฟ้องคดีปลุกปั่นที่สำนักงานอัยการอาญากรุงเทพใต้ พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง นำตัวนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ส่งให้พนักงานอัยการฟ้องในความผิดฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตาม ป.อาญามาตรา ๑๑๖ เเละความผิดตาม พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ฯ เหตุเกิดปี ๒๕๖๔ นายปิยบุตรกล่าวว่า พนักงานสอบสวนควรมีดุลพินิจ ถ้าเรื่องไม่เข้าองค์ประกอบความผิดไม่ควรทำสำนวนส่งอัยการ ไปถามทนายผู้พิพากษา อัยการที่ไหนก็ได้ ถามนอกรอบว่าเคสนี้มันเข้ามาตรา ๑๑๖ ตรงไหน ยุยงปลุกปั่นไหม ทั้งๆที่ตนเป็นคนบอกด้วยซ้ำว่า ให้ทำและรณรงค์ให้ใจเย็นทั้ง ๒ ฝ่าย กลายเป็นว่าตนปลุกปั่น ส่วนเรื่องขอความเป็นธรรมต้องคุยกับทนายความดูว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่คิดดูประชาชนตาดำๆ นิสิตนักศึกษาโดน และมีภาระเต็มไปหมดเเล้ว บอกว่า จะปรองดอง จะก้าวข้ามความขัดแย้ง เรื่องแบบนี้ยังมีอยู่เต็มไปหมด มันจะจบไปได้อย่างไร ทั้งนี้พนักงานอัยการสำนักงานอัยการกรุงเทพใต้ ได้นัดฟังคำสั่งคดีในวันที่ ๘ ก.พ.“อิ๊ง” เข้ามินิ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรคนสกุลดังเพียบผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ประกาศรายชื่อผู้ที่มีสิทธิสอบสัมภาษณ์ในหลักสูตรผู้บริหารยุคใหม่ในอนาคต วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรบอ. รุ่นที่ ๑ หรือที่เรียกว่าหลักสูตร “มินิ วปอ.” มีชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นหนึ่งในรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติ รอเข้ารับการสัมภาษณ์ในวันที่ ๒๔ ม.ค. นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกลาโหม กล่าวว่า หลักสูตร วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรบอ. หรือมินิ วปอ. เป็นหลักสูตรใหม่ที่เปิดขึ้นมาเพราะมีผู้สนใจมาก กองทัพไทยเห็นด้วย และคิดว่าน่าจะขยายมาสู่กลุ่มวัยกลางคน ใช้โครงสร้างเหมือน วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรใหญ่ ที่ น.ส.แพทองธารได้เข้าเรียนตามโควตาการเมือง มีการสอบสัมภาษณ์เหมือนกัน ถือเป็นการเสริมคอนเนกชันคนรุ่นใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ยืนยันว่าไม่ได้เปิดเพื่อ น.ส.แพทองธาร สำหรับผู้ที่ผ่านเข้ารอบสัมภาษณ์มีทั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน นักการเมือง และนักธุรกิจ อาทิ นายชัยชนะ เดชเดโช สส.ปชป. น.ส.รัดเกล้า สุวรรณคีรี รองโฆษกรัฐบาล นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ หรือเอิง ทีมงานนายกฯ และเพื่อนสนิทอุ๊งอิ๊ง นายพชร นริพทะพันธุ์ นายภัทรพงศ์ ภัทรประสิทธิ์ นายอาทิตย์ หวังศุภกิจโกศล น.ส.ศศิยาพัทธ์ เลาหพงศ์ชนะ น.ส.พิมพ์ศิริ จีนะวิจารณะ นายพสุ ลิปตพัลลภ น.ส.ณัฐธิดา เทพสุทิน พ.ต.ท.สงกรานต์ เตชะณรงค์ นายรวิศ สอดส่อง นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ นายปิยะชาติ อิศรภักดี เป็นต้นอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่