วันพุธ, 6 พฤศจิกายน 2567

ระนอง เปิดเมืองจัดมหกรรมสินค้าไทย-เพื่อนบ้าน หวังสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการ

01 ก.พ. 2024
52

“ระนอง” จัดใหญ่ “เปิดเมือง” โชว์มหกรรมการแสดง จำหน่ายสินค้าไทย-เพื่อนบ้าน และเจรจาธุรกิจ หวังเชื่อมโยงการค้า สร้างโอกาสเข้าถึงตลาดให้กับผู้ประกอบการในจังหวัด รวมทั้งการท่องเที่ยว การเกษตร กับเพื่อนบ้านพม่า ตามนโยบายรัฐบาลเมื่อวันที่ ๑ ก.พ. ๖๗ ที่โรงแรมสวิสโซเทล กรุงเทพฯ นายราชัน มีน้อย รองผู้ว่าฯ ระนอง เปิดผยถึงการจัดงาน “เปิดเมืองระนอง” มหกรรมแสดงและจำหน่ายสินค้าไทย-เพื่อนบ้าน และเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ซึ่งเป็นกิจกรรมตามโครงการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างมูลค่าเพื่อเชื่อมโยงการค้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ พร้อมกับกระตุ้นยอดจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการของจังหวัดระนอง และจังหวัดต่างๆ จากทุกภูมิภาคของไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเป็นการเชื่อมโยงการค้า การลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน การกำหนดรูปแบบ สถานที่ และกำหนดการจัดกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐ และเอกชน รองผู้ว่าฯ ระนอง เผยอีกว่า การจัดงานในครั้งนี้ถามว่าทำไมจึงต้องมา เปิดเมืองระนอง ทั้งที่จังหวัดระนองก็เป็นจังหวัดที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปแล้ว จุดหนึ่งที่สำคัญคือ เราต้องการตอกย้ำจุดดีจุดเด่นของจังหวัดระนอง โดยเฉพาะด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ทั้งภายใน และกับต่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศใน ASEAN และ BIMSTEC ซึ่งระนองเองก็มีคู่ค้าที่สำคัญคือ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย และเรายังต้องการเปิดตัวไปค้าขายกับประเทศต่างๆ ข้างต้นtt ttนายราชัน กล่าวต่อว่า ด้วยศักยภาพของจังหวัดระนองที่มีทรัพยากรธรรมชาติอันหลากหลาย และอุดมสมบูรณ์ น้ำแร่ร้อนที่มีคุณภาพดีกระจายตัวอยู่หลายแห่ง โครงสร้างการผลิตภาคการเกษตรที่สำคัญ ทั้งสาขาการประมง สาขาเกษตรกรรม การเป็นจุดผ่านแดนที่สำคัญ เนื่องจากมีชายแดนที่ติดต่อสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สังคมที่เอื้ออาทร ประเพณีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งจังหวัดมีเป้าหมายการพัฒนาจังหวัดระนองให้เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ  การเกษตรมูลค่าสูง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ประกอบด้วย ๕ ประเด็นการพัฒนาดังนี้๑.พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและชุมชนอย่างยั่งยืน, ๒.พัฒนาการเกษตรมูลค่าสูง, ๓.ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน, ๔.อนุรักษ์ และใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล, ๕.การเชื่อมโยงกับกลุ่มประเทศ BIMSTEC และอาเซียนในการนี้จังหวัดระนอง รวมทั้งทุกภาคส่วนทั้งส่วนราชการ หน่วยงานภาคเอกชน พร้อมร่วมมือในการผลักดันให้กลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการทุกระดับ ได้มีช่องทางการตลาดและขยายโอกาสทางการค้าตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อสร้างรายได้ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ จึงได้จัดงาน “เปิดเมืองระนอง”ครั้งนี้ขึ้นมา  tt ttนายกอบ ทวนดำ พาณิชย์จังหวัดระนอง กล่าวเพิ่มว่า เปิดเมืองระนอง มหกรรมแสดง และจำหน่ายสินค้าไทย-เพื่อนบ้าน และเจรจาธุรกิจ (Business Matching) กิจกรรมแสดงและจำหน่ายสินค้า จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๙-๑๓ ก.พ. ๖๗ ณ ลานอนุสาวรีย์คอซู้เจียง อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง เราคัดสินค้าดีมีคุณภาพจากผู้ประกอบการจาก จังหวัดระนอง และจาก ๔๗ จังหวัด ทั่วภูมิภาคของไทย จำนวน ๑๓๐ คูหา  โดยในปีนี้ได้รับเกียรติจากผู้ประกอบการจากกลุ่ม BIMSTEC และ ASEAN ได้แก่ ประเทศเมียนมา เนปาล กัมพูชา อินเดีย และ สปป. ลาว นำสินค้าเด่นมาร่วมจัดแสดง และจำหน่ายสินค้าอีก ๒๐ คูหา อีกทั้งยังมีกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ตลอดระยะเวลาการจัดงาน ประกอบด้วยดารานักร้องนักแสดง นำโดย เน็ค นฤพล, วงแบงค์ โมเดิร์น, เจี๊ยบ เบญจพร, นุ้ย สวีณา อาร์สยาม, บิว กัลยาณี และพิธีเปิดงาน วันที่ ๑๐ ก.พ. นักแสดงชื่อดังชาวเมียนมา “ไป่ ทาคน” พร้อมด้วยพิธีกรสุดฮอต “แคน อติรุจ” รวมถึงมีการจัดกิจกรรม ลด แลก แจก แถม นาทีทอง และจับรางวัล เพื่อเป็นของขวัญสำหรับช่วงตรุษจีนให้กับผู้ซื้อภายในงานอีกด้วย  tt ttพบกับกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ ก.พ. ๖๗ ณ ห้องพลับพลึงธาร เฮอริเทจ แกรนด์ คอนเวนชั่น อ.เมืองระนอง จ.ระนอง  มีกิจกรรม Special Talk : DISCOVERING RANONG The Hidden Gem of the South เพื่อเปิดมุมมองถึงทิศทางเศรษฐกิจของไทยกับประชาคม BIMSTEC และ ASEAN แบบเจาะลึก และกิจกรรมอบรมสัมมนา และพัฒนาผู้ประกอบการ ในวันที่ ๑๓ ก.พ. ๖๗ ในหัวข้อ Concept “อย่าให้โลกทิ้งคุณไว้ด้านหลัง” จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกภูมิภาคให้มาเยี่ยมเยือนงาน “เปิดเมืองระนอง” มหกรรมแสดง และจำหน่ายสินค้าไทย-เพื่อนบ้าน และเจรจาธุรกิจ (Business Matching) รวมถึงร่วมกันต้อนรับในฐานะเจ้าบ้านร่วมกัน เพื่อเป็นการร่วมกันกระตุ้นเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ให้แก่ผู้ประกอบการของจังหวัดระนอง และจากทุกภูมิภาคของไทยในครั้งนี้ร่วมกัน ระหว่างวันที่ ๙-๑๓ ก.พ. ๒๕๖๗.