สลด นักเรียนชั้น ป.๑ โรงเรียนดังอุบลราชธานี วิ่งตัดหน้ารถกระบะ ล้มถูกเหยียบหัวเสียชีวิตคาประตูทางเข้าโรงเรียน ผู้อำนวยการหลั่งน้ำตาหน้าเสาธง สั่งล้อมคอกห้ามรถผู้ปกครอง และผู้ที่มาธุระเข้าในโรงเรียน ให้จอดแล้วเดินเข้ามา จากอุบัติเหตุ เมื่อเวลา ๑๖.๐๕ น.วันที่ ๕ ก.พ. บริเวณประตูทางเข้า โรงเรียนปทุมวิทยากร ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี ซึ่งเป็นช่วงเวลาเลิกเรียน ผู้ปกครอง นักเรียน กำลังเข้ามารับลูกหลานของตนกลับบ้าน ขณะที่ผู้ปกครองรายหนึ่งขับรถยนต์กระบะ มาสด้า ๔ ประตู สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ๕ กน ๖๔๐๙ กรุงเทพฯ เลี้ยวเข้าผ่านประตูของโรงเรียนทางทิศตะวันออกฝั่ง ถนนอุบล-ตระการ ได้มีเด็กชายกันต์ อายุ ๗ ขวบ นักเรียนชั้น ป.๑ วิ่งข้ามฝั่งจากลานจอดรถไปอีกฝั่ง โดยไม่ทันได้มองรถที่กำลังเข้ามาในโรงเรียน จังหวะนั้นเด็กเสียหลักล้มศีรษะเข้าไปบริเวณล้อหน้าจนถูกทับหนังศีรษะเปิดเสียชีวิตคาที่ สร้างความตื่นตกใจให้กับบรรดาคุณครู เพื่อนนักเรียน และผู้ปกครองที่พบเห็นเหตุการณ์ส่วนผู้ขับขี่รถกระบะเป็นคุณลุง ๖๒ ปี หลังเกิดเหตุยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่าตนเลี้ยวรถเข้ามาปกติไม่เร็ว ทางฝั่งขวามีรถกระบะของผู้ปกครองกำลังต่อแถวออกจากโรงเรียน ตนก็ไม่เห็นเด็กเนื่องจากรถสูงมารู้สึกอีกทีตอนที่ล้อหน้าสะเทือน รถด้านข้างบีบแตรจึงได้ลงมาดูพบว่าชนเด็กนักเรียนนายวัฒน์ วงศ์คำพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนปทุมวิทยากร เผยว่าทางโรงเรียนเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ มีนักเรียนกว่า ๑,๐๐๐ คน โรงเรียนพยายามดูแลรักษาความปลอดภัยของนักเรียนอย่างเต็มความสามารถ แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด หลังเกิดเหตุทางโรงเรียนไม่ได้นิ่งนอนใจเข้าไปดูแล และจะช่วยเหลือผู้ปกครองนักเรียนที่เสียชีวิตอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งประชุมคณะครูในการดูแลความปลอดภัยนักเรียน ขอความร่วมมือผู้ปกครองในการใช้รถในโรงเรียนด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุสลดแบบนี้อีกต่อมา ตอนเช้าวันที่ ๖ ก.พ. คณะครูและนักศึกษาฝึกงานได้สวมชุดดำไว้อาลัยให้กับน้องกันต์ พร้อมมีมาตรการด้านความปลอดภัย เปิดประตูโรงเรียนให้เฉพาะผู้ปกครองและเด็กนักเรียนเดินเข้าไปในโรงเรียนเท่านั้น ไม่อนุญาตให้รถยนต์ของผู้ปกครองเข้าไปภายในโรงเรียน ส่วนรถยนต์ผู้มาติดต่อราชการสามารถเข้าออกได้เพียงประตู ๑ ทางด้านทิศใต้เพียงประตูเดียว อีกทั้งยังมีการเพิ่มครูเวรประจำประตูทั้ง ๕ ประตู ในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับเด็กๆ แต่ก็ยังมีเด็กนักเรียนบางรายไม่ยอมเข้าโรงเรียนทางประตูที่เกิดเหตุเนื่องจากยังกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อถึงเวลา ๐๘.๓๐ น. ทางโรงเรียนจะทำการปิดประตู ให้เข้าออกเพียงประตูเดียวขณะที่กิจกรรมหน้าเสาธงเป็นไปด้วยความเศร้าสลด นายวัฒน์ วงศ์คำพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน ได้กล่าวแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งน้ำตาต่อหน้าคณะครูและนักเรียนก่อนจะเปลี่ยนให้ รองผู้อำนวยการแจ้งถึงมาตรการในการรับ-ส่งนักเรียนให้นักเรียนไปประชาสัมพันธ์บอกต่อผู้ปกครอง มีการยืนไว้อาลัยให้น้องกันต์ประมาณ ๒ นาที ก่อนจะแยกย้ายไปขึ้นชั้นเรียนหลังจากที่เลิกกิจกรรมหน้าเสาธงผู้สื่อข่าวพยายามขอสัมภาษณ์นายวัฒน์ วงศ์คำพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน เกี่ยวกับมาตรการที่เพิ่มเติมหลังจากเกิดเหตุการณ์ แต่ได้รับการขอร้องจากคณะครูเนื่องจากนายวัฒน์ ยังคงเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ เพราะน้องกันต์เป็นเด็กนักเรียนที่มีความสามารถเป็นตัวแทนของโรงเรียนในการแข่งขันต่างๆ เป็นที่รักของคณะครูทุกคนส่วนรายละเอียดคร่าวๆ ได้มีการดำเนินการ ๔ ข้อหลังเกิดเหตุ คือ การตรวจสอบข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง การดูแลเยียวยา การช่วยเหลืองานศพซึ่งวันนี้ทางโรงเรียนจะเป็นเจ้าภาพ มีการแจ้งรายงานเหตุการณ์กับผู้บริหารตามลำดับชั้นจนถึงกระทรวงศึกษาธิการแล้ว มีการวางมาตรการในการเข้าออกโรงเรียนโดยให้ผู้ปกครองจอดรถด้านนอก และจะประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาเกี่ยวกับระเบียบการเข้าออกหรือการขับรถในโรงเรียนใหม่ ส่วนคดีอยู่ระหว่างการสอบสวนนางสาวจุฑามาส สีมา ผู้ปกครองเด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.๔ เปิดเผยว่า ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับมาตรการไม่ให้รถเข้าไปในโรงเรียน คิดว่าน่าช่วยลดเรื่องอุบัติเหตุได้ ไม่ได้สร้างความลำบากให้กับตน มันเป็นเรื่องความปลอดภัยสำหรับน้องๆ และอยากให้มี รปภ.หรือครูเฝ้าทุกประตูเท่าที่เห็นมีเพียงประตูเดียว