วันอังคาร, 5 พฤศจิกายน 2567

วอนช่วย "น้องดราก้อน" เหยื่อชนแล้วหนี กายพิการแต่อยากเรียนต่อ

14 มี.ค. 2024
56

“น้องดราก้อน” อดีตนักฟุตบอลเยาวชนอนาคตไกล เหยื่อชนแล้วหนี-พิการครึ่งตัว อยากเรียนต่อโรงเรียนสอนคนพิเศษ แต่ขาดเงินทุนซื้อรถเข็นไฟฟ้า วอนผู้ใจบุญช่วย เมื่อวันที่ ๑๒ มี.ค. ๖๗ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ที่ ๑ ต.ดอนใหญ่ อ.บางแพ จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นบ้านของ นายภาณุพงศ์ หรือ “น้องดราก้อน” ภิรมย์ยินดี อายุ ๑๗ ปี เด็กพิการทางสมองและร่างกาย หลังประสบอุบัติเหตุถูกรถเก๋งชนแล้วหนี ขณะจอดติดไฟแดง จึงร้องสื่อมวลชนขอความช่วยเหลือเรื่องขอรถเข็นไฟฟ้า เพื่อนำไปใช้เรียนต่อที่โรงเรียนคนพิการ เนื่องจากน้องดราก้อนมีความประสงค์อยากเรียนต่อ เพื่อลดภาระทางครอบครัวที่ต้องดูแลรักษา จนเป็นหนี้ธนาคารกว่า ๑.๒ ล้านบาท โดยทางครอบครัวจึงหาที่เรียนสำหรับคนพิการให้ ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งทางโรงเรียนแจ้งว่า ยินดีรับน้องเข้าเรียน แต่น้องต้องมีรถเข็นไฟฟ้า เพื่อความสะดวกในการเรียนหนังสือ และเคลื่อนย้ายน้องในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งทางโรงเรียนจะเปิดทำการสอนในวันที่ ๑๑ เม.ย. ๖๗ นี้ แต่ทางครอบครัวน้องไม่มีทุนทรัพย์ในการซื้อรถเข็นไฟฟ้า เนื่องจากเงินทั้งหมดที่มีก็หมดไปกับการรักษาน้อง จึงร้องสื่อให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงเพื่อส่งต่อถึงคนใจบุญ หรือหากใครมีรถเข็นไฟฟ้ามือสอง สามารถบริจาคให้น้องดราก้อนเพื่อใช้ในการเรียนหนังสือได้ทั้งนี้ น้องดราก้อนเป็นนักกีฬาเยาวชนฟุตบอลอนาคตไกล เมื่อ ๒ ปีก่อนตอนที่ยังไม่ประสบอุบัติเหตุเป็นนักกีฬาฟุตบอลของโรงเรียน และยังเคยเป็นนักเตะของสโมสร MTP YFC ระยอง จนได้รับใบประกาศและเหรียญรางวัลมากมาย ทั้งยังเป็นตัวเต็งได้รับการคัดเลือกเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ และถูกเรียกให้ไปเก็บตัวฝึกซ้อม แต่ฝันต้องสลายเมื่อน้องประสบอุบัติเหตุขับรถ จยย.กลับบ้าน หลังไปทดสอบคัดตัวแข่งฟุตบอลกับเพื่อน แต่ถูกรถเก๋งที่มีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์ ขับรถส่ายไปมาคล้ายเมาสุรา ชนน้องและเพื่อนขณะจอดรถติดไฟแดงแถวพื้นที่ อ.โพธาราม จนกระเด็นหัวกระแทกพื้น สมองได้รับความกระทบกระเทือน จนเป็นเจ้าชายนิทราไปกว่า ๓ เดือน เมื่อฟื้นขึ้นมาก็เป็นอัมพฤกษ์ซีกขวาไปแล้วภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว รถเก๋งคู่กรณีได้ขับหลบหนีไป โดยไม่ได้ลงมาดูอาการเลย จากนั้นครอบครัวได้เข้าแจ้งความ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถติดตามตัวคนขับรถเก๋งมาดำเนินคดีได้ เนื่องจากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่บริเวณสี่แยกจุดเกิดเหตุกว่า ๑๐ ตัว เสียทั้งหมด อีกทั้งยังไล่ให้ทางครอบครัวของน้องไปติดตามกล้องวงจรปิดเพื่อหาตัวคนร้ายเอง จึงทำให้ครอบครัวของน้องต้องทำใจ และหายืมเงินมารักษาน้อง จนทุกวันนี้มีหนี้สินกว่า ๑.๒ ล้านบาท จากการสอบถาม น.ส.ชมภู่ วงสีสุข อายุ ๔๔ ปี แม่น้องดราก้อน เล่าทั้งน้ำตาว่า ลูกชายของเธอประสบอุบัติเหตุเมื่อ ๒ ปีที่แล้ว จนกลายเป็นคนพิการทางสมองและร่างกาย เธอสงสารลูกมากเพราะลูกเป็นเด็กที่รักการเล่นฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ จนได้เข้ารับการฝึกอบรมของสโมสรจากญี่ปุ่น และเล่นให้สโมสร จ.ระยอง แข่งขันชนะได้เหรียญและเกียรติบัตรมาเยอะแยะมากมาก ซึ่งอนาคตของลูกชายถือว่าสดใส เพราะได้รับคัดเลือกเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ แต่มาเจอแบบนี้ทุกอย่างมันดับไปหมด เธอสงสารลูกจับใจจนต้องดูแลอย่างใกล้ชิด และให้กำลังใจปลอบใจลูกชายเสมอว่า “เดี๋ยวก็หายนะ เดี๋ยวก็กลับไปเตะฟุตบอลได้” ทั้งๆ ที่เธอและครอบครัวรู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากให้ลูกเสียใจ”ลูกชายก็มีใจสู้ ทั้งฝึกเดิน ฝึกพูด จนทุกอย่างพัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ จนวันหนึ่งลูกชายบอกกับตนว่า สงสารพ่อกับแม่ ที่ต้องดูแลและหาเงินมารักษาเขาจนเป็นหนี้สิน ลูกชายจึงขอไปเรียนต่อเพื่อลดภาระให้กับครอบครัว ซึ่งเธอก็ไม่อยากขัดใจลูก จึงหาโรงเรียนที่สอนคนพิการ จนสมัครเข้าโรงเรียนคนพิการ ที่ จ.ชลบุรี ได้ ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำกินนอน แต่ทางโรงเรียนได้แจ้งว่ายินดีรับน้องเข้าเรียน แต่ด้วยอาการของน้องต้องมีรถเข็นไฟฟ้ามาเรียนด้วย ซึ่งเธอตอบแบบไม่อายว่า ตอนนี้ครอบครัวของเธอ ไม่มีเงินที่จะซื้อรถเข็นไฟฟ้าให้กับลูก” น.ส.ชมภู่ กล่าวน.ส.ชมภู่ เล่าต่อว่า สามีมีเงินเดือน ๒ หมื่นกว่าบาท ทุกวันนี้ก็ต้องนำมาจ่ายค่ายาทางสมองและการรักษาของลูกทุกเดือน ส่วนรายได้จากการขายของ นำมาใช้หมุนเวียนใช้จ่ายภายในครอบครัวในแต่ละวัน อีกทั้งยังต้องดูแล ด.ช.นาวา อายุ ๑๔ ปี ลูกคนเล็กที่ต้องเรียนอีกคน ตนจึงไม่มีเงินที่จะมาซื้อรถเข็นไฟฟ้าที่มีราคาหลักหมื่นบาทให้กับลูกชายไปใช้เรียนหนังสือ ที่โรงเรียนคนพิการได้ จึงอยากวอนขอท่านใดที่ใจบุญช่วยเหลือ หรือท่านที่มีรถเข็นไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้แล้ว ช่วยส่งมอบต่อให้น้องดราก้อน เพื่อนำไปใช้เรียนหนังสือต่อด้วย เพราะเธอและสามีจนปัญญาจริงๆ ซึ่งสามารถติดต่อมาได้ที่เบอร์โทร ๐๙-๒๘๗๙-๔๓๔๖ ขณะที่ น้องดราก้อน เล่าว่า ตนเป็นคนขอไปเรียนหนังสือเอง เพราะอยากลดภาระให้กับพ่อแม่ เพราะตนคิดว่าตนเป็นภาระให้กับพ่อแม่จนเป็นหนี้สินมากมาย อีกทั้งยังกลัวว่าถ้าตนยังอยู่อย่างนี้ น้องชายของก็อาจจะไม่ได้เรียนไปด้วยอีกคน ที่สำคัญตนอยากไปเรียนหนังสือหาความรู้ เพราะถ้ามีความรู้จะได้มีงานหาเงินมาช่วยพ่อแม่ใช้หนี้ที่นำมารักษาตนขณะเดียวกัน ทางผู้สื่อข่าวได้ทราบว่า หลัง น้องดราก้อน ได้ทราบว่าทางครอบครัวไม่สามารถซื้อรถเข็นไฟฟ้าให้น้องไปเรียนหนังสือได้ น้องได้พยายามติดต่อไปยังเพจของสำนักข่าวหลายช่อง เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ไม่ได้รับการติดต่อ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบเพจของสำนักข่าวที่น้องติดต่อไปนั้น เป็นเพจปลอมที่ทำเลียนแบบสำนักข่าวทั้งหมด