วันพุธ, 6 พฤศจิกายน 2567

“ศิริกัญญา” ฝากนายกฯ ทำการบ้านใหม่ หลังให้ข้อมูล “แลนด์บริดจ์” ผิด

“ศิริกัญญา ตันสกุล” ทวงรัฐบาลตอบคำถามอภิปรายงบ ๖๗ ยังไม่ครบ ชี้ วิกฤติเศรษฐกิจ-ความมั่นคง-สิ่งแวดล้อม ยังจัดงบไม่ตอบโจทย์ ส่วนประเด็น “แลนด์บริดจ์” ฝากนายกฯ ทำการบ้านใหม่ หลังพูดข้อมูลผิดวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๗ ที่อาคารรัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล แถลงข่าวถึงประเด็นที่รัฐบาลยังชี้แจงไม่ครบถ้วน ในการอภิปรายร่าง พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๗ และขอให้มีการชี้แจงในช่วงสุดท้ายของการอภิปรายก่อนที่จะมีการลงมติวันนี้น.ส.ศิริกัญญา ระบุว่า งบประมาณปี ๒๕๖๗ ไม่ได้สะท้อนการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ เป็นการตั้งงบประมาณไว้อย่างไม่ได้สัดส่วนกับความรุนแรงของปัญหา และยังมีการสอดไส้งบประมาณที่ไม่ตรงกับแผนสร้างความสามารถในการแข่งขัน ตนจึงมีคำถามที่อยากให้รัฐบาลตอบในด้านต่างๆ ประกอบด้วย๑) วิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งตนขอเรียกร้องเป็นครั้งสุดท้ายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังควรยอมรับว่ามีความผิดพลาด ที่นำการขยายตัวของของจีดีพีที่รวมผลของเงินเฟ้อ (nominal GDP growth) มาเป็นการประมาณการเศรษฐกิจ ซึ่งไม่มีใครใช้กัน และยังพูดอีกว่าเป็นการใช้ในการประมาณการรายได้ แต่ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะตัวเลขนี้อยู่ในประมาณเศรษฐกิจ ที่ต้องใช้อัตราการขยายตัวของจีดีพีแบบที่ลบผลเงินเฟ้อไปแล้วรัฐบาลควรต้องชี้แจงในเรื่องของงบประมาณที่ตั้งไว้ผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นงบบำเหน็จบำนาญ ค่ารักษาพยาบาล ที่ตั้งไว้อย่างไม่พอจ่ายในปี ๒๕๖๗ เงินเดือนข้าราชการที่ไม่ได้ตั้งเผื่อไว้สำหรับนโยบายขึ้นเงินเดือนข้าราชการ นอกจากนี้ยังมีการประมาณการรายได้ที่สูงเกินจริง ทั้งที่จะมีรายได้จากภาษีถึง ๔ ตัวที่หายไป ทั้งภาษีขายหุ้น, การลดหย่อนภาษีกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (TESG), รายได้ที่ต้องนำส่ง กฟผ. และการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและเบนซิน โดยเฉพาะในเรื่องรายได้นำส่ง กฟผ. ที่ต้องพิจารณาถึงสภาพคล่อง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยด้วย  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวหาว่าพรรคก้าวไกลใช้ข้อมูลสภาพคล่องกฟผ.เป็นเท็จนั้น ตนยืนยันได้ว่าเป็นข้อมูลจริง แต่แน่นอนว่าตัวเลขของรัฐมนตรีย่อมต้องเป็นตัวเลขที่ล่าสุดมากกว่า ซึ่งแม้จะเป็นตัวเลขล่าสุด แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ยังไม่ได้แสดงการคาดการณ์สภาพคล่องในอนาคต ที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจะต้องแบกหนี้แสนกว่าล้านบาทต่อไปอยู่ดี “การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมาโจมตีกล่าวหาตัวเลขอย่างหนักหน่วงเช่นนี้ เป็นไปเพื่อหลบเลี่ยงการตอบคำถามว่าจะจัดการเรื่องหนี้ กฟผ. อย่างไรเพื่อไม่ให้ประชาชนต้องมาคอยลุ้นว่าค่าไฟจะเป็นเท่าไรทุกๆ ๔ เดือน อยู่กันต่อไป แต่ก็ยังมีสิ่งที่เป็นประโยชน์จากการชี้แจงของรัฐมนตรีอยู่บ้าง คือการยอมรับว่าเงินนำส่งรายได้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยนั้นสูงเกินไป และมีแผนที่จะปรับลดลง ๘ พันล้านบาท ใกล้เคียงกับที่พรรคก้าวไกลเสนอให้ทำ แต่ก็เท่ากับว่าตอนนี้เผือกร้อนได้ไปตกอยู่ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่าประมาณการรายได้ปี ๒๕๖๗ จะลดต่ำลงไปอีก และยังคงไม่มีคำตอบว่าจะหาเงินที่ไหนมาชดเชย”tt tt๒) วิกฤติด้านความมั่นคง มีการอภิปรายถึงสัดส่วนงบประมาณกระทรวงกลาโหม ว่าเหตุใดเมื่อเกิดวิกฤติแล้ว งบประมาณกระทรวงกลาโหมกลับยังไม่ลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับวิกฤติต้มยำกุ้ง ที่มีการลดงบประมาณกระทรวงกลาโหมลดลง ๒๐% วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ลดลง ๑๐% วิกฤติโควิดลดลง ๕% แต่ปีนี้งบประมาณกระทรวงกลาโหมกลับเพิ่มขึ้น ๒% แม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะชี้แจงว่าเมื่อเทียบโดยงบประมาณทั้งหมดแล้วจะเห็นว่าสัดส่วนงบประมาณลดลง แต่ก็ยังน้อยกว่าเมื่อเทียบกับวิกฤติที่ผ่านมาอยู่ดี ซ้ำร้ายรัฐมนตรียังยอมรับอีกว่าไม่ได้ตั้งใจจะให้ลดลงขนาดนี้ แต่สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณมาให้เท่านี้“ผ่านมาแล้ว ๗ ปี ควรจะเห็นการลดลงของงบประมาณบุคลากรกองทัพได้แล้ว แต่ตนก็ยังคงไม่เห็นความคืบหน้าใด ที่น่าตื่นเต้นคือ รัฐมนตรีสุทิน กล่าวว่าจะมีโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด สำหรับข้าราชการกระทรวงกลาโหม ซึ่งตนและพรรคก้าวไกลจะติดตามอย่างใกล้ชิดในงบประมาณปี ๒๕๖๘ ที่จะต้องมีการตั้งงบประมาณเพื่อชดเชยค่าตอบแทนสำหรับผู้เข้าร่วมโครงการด้วย”น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า ในส่วนของงบประมาณเรือดำน้ำ เห็นได้ชัดว่ารัฐมนตรียอมรับถึงความพ่ายแพ้ โดยชี้แจงว่าประเทศไทยเองก็ผิดสัญญาที่ไม่ได้จ่ายเงินให้จีนในช่วงโควิด ซึ่งตนจำเป็นต้องโต้แย้งว่าไทยไม่เคยผิดสัญญาแม้แต่ครั้งเดียว เพราะที่ไม่ได้จ่ายเงินให้จีนก็เนื่องจากจีนไม่สามารถต่อเรือได้เสร็จตามกำหนดงวดงาน จึงไม่ถือว่าเป็นการผิดสัญญา อีกทั้งสัญญายังระบุด้วยว่าจะต้องมีการเจรจาฉันมิตรในกรณีที่มีการผิดสัญญา แต่รัฐบาลก็ได้ถอยเกินการเจรจาฉันมิตรไปแล้ว ซึ่งต้องทวงถามต่อไปว่าค่าปรับสำหรับการส่งมอบล่าช้า ล่าสุด ๙๔ วันแล้ว รัฐบาลจะเอาอย่างไรต่อ๓) วิกฤติสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาฝุ่น PM ๒.๕ ที่นายกรัฐมนตรีก็ยอมรับเองว่าไม่ได้มีแผนชัดเจนในปี ๒๕๖๗ และจะใช้งบกลางในการดำเนินนโยบายนี้ คำถามคือ PM ๒.๕ ไม่ได้เพิ่งเกิดเมื่อเร็วๆ นี้ ประเทศไทยยังต้องอยู่ในการบริหารราชการแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับฝุ่น PM ๒.๕ ไปอีกถึงเมื่อไร สัญญาณที่ดีที่สุดก็มีแค่คำสัญญาจากนายกรัฐมนตรีว่าจะมีการเอาผิดกับผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ที่มาจากการเผาเท่านั้นน.ส.ศิริกัญญา ยังกล่าวถึงโครงการแลนด์บริดจ์ ที่มีการตั้งงบประมาณไว้สองก้อนในปี ๒๕๖๗ ประกอบด้วยการจ่ายงวดงานสุดท้ายของรายงานศึกษาความเป็นไปได้ ๖๘ ล้านบาท และงบประมาณตั้งใหม่ในการจัดทำเอกสารเชิญชวนนักลงทุน ๔๕ ล้านบาท แต่สิ่งที่นายกรัฐมนตรีได้พูดถึงโครงการแลนด์บริดจ์มีข้อผิดพลาดอยู่ ๒ ประการด้วยกัน กล่าวคือ ประการแรก การมีท่อน้ำมัน ซึ่งในรายงานศึกษาความเป็นไปได้ ไม่ได้ศึกษาโครงการในกรณีที่มีท่อน้ำมัน มีแต่เพียงการศึกษาโครงการที่มีท่าเรือสองท่า ทางรถไฟ และถนนเชื่อมต่อท่าเรือเท่านั้น แม้จะมีการเว้นที่ไว้วางท่อน้ำมัน แต่ในการศึกษาความเป็นไปได้ก็ไม่มีเรื่องท่อน้ำมันแต่อย่างใด นั่นเท่ากับว่าอาจจะต้องมีการรื้อรายงานศึกษาความเป็นไปได้ และปรับแผนในการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะไม่ตรงกับสิ่งที่ได้ผ่านมติ คณะรัฐมนตรีไปแล้วประการที่สอง ช่องแคบมะละกาไม่ได้แออัด เพราะในภาคธุรกิจขนส่ง ทุกคนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าช่องแคบมะละกาไม่ได้แออัดขนาดนั้น โดยในการประชุมกรรมาธิการแลนด์บริดจ์ที่ตนเป็นกรรมาธิการอยู่ด้วย ตัวแทนจากสภาหอการค้ายังชี้แจงเองว่าไม่ได้แออัดเช่นนั้นจริง และถ้าแออัดจริง สิงคโปร์คงไม่ลงทุนสร้างท่าเรือใหม่ที่มีความจุ ๒ เท่าจากท่าเรือเดิมทั้งนี้ ตนและพรรคก้าวไกลเห็นด้วยที่จะมีการพัฒนาในพื้นที่ภาคใต้ การมีท่าเรือยุทธศาสตร์ การมีโครงข่ายระบบรางเชื่อมต่อ การทำนิคมอุตสาหกรรม ฯลฯ แต่สิ่งที่น่ากังขาคือความคุ้มค่าของโครงการแลนด์บริดจ์จะเป็นอย่างที่มีการคาดการณ์จริงหรือไม่ จึงต้องฝากนายกรัฐมนตรีดำเนินการศึกษาให้รอบคอบกว่านี้ด้วย.