“สมศักดิ์” แจงยิบ ปมออกระเบียบราชทัณฑ์ ปัดพัลวัน ไม่ได้ล้วงลูกเอื้อ “ทักษิณ” ชี้เปรี้ยง “ทักษิณ” เข้าข่ายคุมขังที่บ้านได้ ยกผู้ต้องขังอื่นร่วม ๑๕๐ คนรักษาตัวที่ รพ. ปฏิเสธบอกชื่อโรค “นายใหญ่” รักษาตัว ๑๒๐ วันเมื่อเวลา ๐๙.๒๐ น. วันที่ ๒๐ ธ.ค. ๒๕๖๖ ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวของกรมราชทัณฑ์ที่มีชื่อตนเกี่ยวข้องในกรณีออกกฎกระทรวง ปี ๒๕๖๓ ว่า พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ราชทัณฑ์ ปี ๒๕๖๐ เป็นกฎหมายที่ออกมาในช่วงของรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ก่อนที่ตนจะเข้ามาเป็น สส. ซึ่งหลังจากมีการเลือกตั้งในปี ๒๕๖๒ ตนเข้ามาเป็น รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม โดยได้ออกกฎกระทรวง มาตรา ๓๓ เรื่องการจำแนก พฤติกรรม การรักษาพยาบาล ตลอดจนการเตรียมพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขัง ในปี ๒๕๖๓ ต่อมา มีข้าราชการ อดีตข้าราชการ และคณะกรรมการสิทธิมนุยชนได้เข้าพบตน เพื่อขอให้มีที่คุมขังนอกเรือนจำ ทั้งกับนักโทษ ผู้ต้องขัง หรือผู้ที่ถูกกล่าวหาที่ไม่ควรจะต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ซึ่งตนเห็นด้วยจึงให้ปลัดกระทรวง และคณะทำงานของกระทรวงยุติธรรมดำเนินการเรื่องนี้ แต่ยังไม่ทันเสร็จเรื่อง ตนได้ลาออกจาก รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม และได้เห็นระเบียบของกรมราชทัณฑ์ที่ออกมาช่วงนี้ โดยมีการกล่าวถึงตน และตนเคยชี้แจงต่อวิปวุฒิสภา ช่วงที่มีการออกฎหมายนี้เป็นกฎหมายที่ดี เขาจึงขอให้ตนช่วยชี้แจง และทำความเข้าใจต่อสาธารณะ ในส่วนที่จะเข้าสู่กระบวนการการคัดแยกให้เป็นสากลขึ้น“ทำให้มีกระแสข่าวออกมาว่า มีการเอื้อประโยชน์กับผู้ต้องขังรายใดรายหนึ่งหรือไม่ ซึ่งผมก็ชี้แจงไปว่า ไม่ใช่ เป็นกระบวนการยุติธรรมที่อยู่ในกรอบสากล เพราะฉะนั้น การจำแนกผู้ต้องขัง และมีที่คุมขังนอกเรือนจำนั้น เป็นการดำเนินการตามหลักสากล และกฎหมายนี้ ก็อนุญาตให้ดำเนินการในลักษณะนี้ได้ แต่ต้องเป็นไปตามกระบวนการอย่างครบถ้วน ตามเกณฑ์ แต่การจำคุกที่มีโทษร้ายแรง จะไม่ถูกนำมาจำแนก เรื่องนี้เป็นเรื่องการทำความเข้าใจ ขณะนี้ก็เป็นเรื่องที่ดี ที่มีตัวอย่างในกรณีของอดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในการคุมขัง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการอธิบายเรื่องทัณฑวิทยา ซึ่งผมยินดีที่จะตอบคำถามในส่วนที่ยังขัดกับความรู้สึกของประชาชน และยังมีประเด็นไหนที่น่าจะต้องปรับแก้ให้ชัดเจน ทั้งนี้ ในฐานะที่ผมกำกับดูแลกระทรวงยุติธรรมอยู่ด้วยนั้น ก็ไม่ได้ไปล้วงลูก แต่ทบทวนสิ่งที่เคยผ่านมาให้เห็น” นายสมศักดิ์ กล่าว…เมื่อถามว่า กรณีของนายทักษิณ ชินวัตร จะเข้าเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์ที่ออกมาใหม่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า “เข้าเกณฑ์ เพราะมีโทษไม่เกิน ๔ ปี และไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในข่ายสิ่งที่น่ากลัวของสังคม แต่เป็นโทษในลักษณะที่ไม่ได้เป็นภัยต่อสังคม จึงสามารถอยู่ในที่คุมขังได้ และเป็นโทษที่มีจำนวนน้อยกว่า ๑ ปี ส่วนกระแสข่าวว่า การที่ตนได้เข้าพรรคเพื่อไทย เพราะมีการเอื้อประโยชน์กันในส่วนนี้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่หรอกครับ ถ้าผมคิดว่าจะต้องเข้าพรรคเพื่อไทย ผมคงทำให้เสร็จในตอนนั้นไปแล้ว แต่ผมไม่ได้คิด มันเป็นไปตามครรลอง เป็นพัฒนาการของกฎหมายจากปี ๒๕๖๐ ไม่ได้คิดว่าจะไปอยู่พรรคการเมืองไหน แต่กฎหมายมันพัฒนาไปเข้าสู่ความเป็นสากล ผมยืนยันว่า นี่คือพัฒนาการของกฎหมาย และเป็นโอกาสของประเทศ โชคดีที่มีกรณีสำคัญตรงนี้ที่ทำให้คนสนใจ และได้ออกมาอธิบาย แต่เมื่อผมเห็นว่า เหตุการณ์เริ่มเดินไปในอีกทิศทางหนึ่ง จึงต้องพูดให้สังคมเข้าใจ ผมยืนยันว่า กรมราชทัณฑ์ไม่ได้มีอำนาจใหญ่กว่าศาล” นายสมศักดิ์ กล่าวนายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า “การบริหารโทษทางอาญามี ๕ ประเภท แต่ในส่วนของกรมราชทัณฑ์มี ๒ ประเภท คือประหารชีวิต และการจำคุก ซึ่งการจำคุกนี้ ไม่ได้สงวนไว้แค่ในเรือนจำเท่านั้น ขณะนี้เท่าที่ทราบ ในการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่อย่างไม่เป็นทางการ มีกลุ่มคนที่มีโทษน้อยกว่า ๔ ปี จำนวน ๑๐,๐๐๐ กว่าคน ไม่ใช่เฉพาะกรณีนี้ แต่เป็นเหตุการณ์ที่พ้องต้องกันโชคดีที่ได้เอากรณีนี้มาอธิบายต่อสาธารณะ เพราะมีวีไอพีอยู่ตรงนี้ทำให้คนสนใจติดตาม แต่ไม่ได้ทำเฉพาะกรณีนี้ หรือเป็นการเอื้อประโยชน์ ส่วนของการรักษาตัวที่โรงพยาบาลของนายทักษิณนานกว่า ๑๒๐ วันว่า ก็อยู่ในความเห็นของแพทย์ และอำนาจของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา และจากสถิติของเดือนนี้ ก็มีผู้ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเกิน ๓๐ วันเป็นจำนวนมากเกือบ ๑๕๐ คน ไม่ใช่แค่ ๑-๒ คน ในอดีตก็มีมาก แต่ไม่ได้เปิดเผย นายทักษิณเป็นคนที่สาธารณะให้ความสนใจ ถ้ามีผู้ที่อธิบายเรื่องดังกล่าวให้สังคมเข้าใจ สังคมจะยอมรับและเดินหน้าต่อไปได้”เมื่อถามว่า นายทักษิณมีสุขภาพดีตอนที่อยู่ต่างประเทศ แต่พอมาถึงประเทศไทยกลับป่วย ถือว่าแปลกหรือไม่ นายสมศักดิ์ ได้ย้อนถามสื่อว่า “ก็น้องไม่เคยถูกจองจำ น้องลองไปสักสองสามวัน ชีวิตมันเครียดนะ เราเสียอิสรภาพหรือสิ่งต่างๆ ที่เราเคย ลองเข้าไปนอนสักคืนสองคืน นอนไม่หลับ คนอายุมากความดันขึ้น ป่วย ทางผบ. เรือนจำและอธิบดี ก็มองว่า มีความเสี่ยง เมื่อเห็นเหตุการณ์แล้วจึงไปส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัยของผู้ต้องขัง และเพื่อไม่ให้ตนต้องรับผิดชอบด้วย ใครไม่เคยไปนอนคุก ไม่เคยถูกจองจำ ลองไปสักคืนสองคืน จะพบว่าความเครียดเป็นต้นกำเนิดของโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลาย พร้อมยกตัวอย่างว่า โรคเครียดเป็นบ่อเกิดของโรคอื่น เช่น โรคเบาหวาน ความดันเข้ามารุมเร้า พร้อมย้อนถามผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่า น้องเคยเป็นหวัดภูมิแพ้หรือไม่ นอนไม่หลับสองคืนก็จะป่วยหนัก ตนก็เป็นเช่นกันเดี๋ยวนี้โรคภัยไข้เจ็บเยอะ ยิ่งคนที่อยู่ในเรือนจำเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ”ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จะสามารถเปิดเผยแค่เพียงชื่อโรคของนายทักษิณที่รักษาอยู่ได้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าส่วนนี้เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ตนเพียงแค่มาพูดในทางวิชาการ