AMCHAM หรือหอการค้าอเมริกันในสาธารณรัฐประชาชนจีนสำรวจความเห็นธุรกิจสหรัฐฯในจีน ๓๔๓ แห่ง ระหว่างเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ๒๐๒๓ พบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจและนำมาพิจารณาในการทำธุรกิจกับจีน ซึ่งโอกาสแตกต่างกันอย่างมาก ระหว่างก่อนและหลังที่จีนเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ หากเราไม่นำข้อมูลเหล่านี้มาเปิดเผย การลงทุนในจีนก็จะมีความเสี่ยงนักธุรกิจอเมริกันเห็นตรงกันว่าการหาเงินในจีนทำได้ยากกว่าแต่ก่อนมาก แทบทุกบริษัทอเมริกันมีความกังวลว่าต่อไปในอนาคต อาจจะทำธุรกิจในจีนต่อได้อีกไม่นานนัก แทบทุกบริษัทลังเลที่จะขยายการลงทุนเพิ่มใน ค.ศ.๒๐๒๔ นอกจากปัญหาเรื่องของเศรษฐกิจจีนแล้ว ก็ยังเป็นปัญหามาจากความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และความเสี่ยงจากกฎระเบียบของรัฐบาลจีน ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ นอกจากไม่ขยายการลงทุนเพิ่มแล้ว ธุรกิจอเมริกันในจีนเกือบ ๑ ใน ๓ ยังบอกว่า บริษัทของตนจะลดการลงทุนใน ค.ศ.๒๐๒๔ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี การวิจัย และการพัฒนาธุรกิจสหรัฐฯในต่างประเทศอ่วม การที่สหรัฐฯแซงก์ชันรัสเซียทำให้บริษัทอเมริกันในแผ่นดินรัสเซียต้องย้ายออกอย่างรีบเร่ง โดยขายทรัพย์สินและกิจการของตนให้กับบริษัทท้องถิ่นในราคาที่ถูก เท่านั้นยังไม่พอ สงครามอิสราเอล-ฮะมาสซึ่งสหรัฐฯแสดงท่าทีสนับสนุนอิสราเอลทำให้คนมุสลิมไม่บริโภคหรือใช้บริการสินค้าและธุรกิจของอเมริกัน มีการรณรงค์กันอย่างจริงจัง บริษัทอเมริกันหลายแห่งที่ลงหลักปักฐานในตะวันออกกลางและประเทศอิสลาม เริ่มเผชิญภาวะขาดทุนสำนักข่าวบลูมเบิร์กลงพื้นที่สำรวจในกรุงไคโรของอียิปต์พบว่า ร้านสตาร์บัคส์และแมคโดนัลด์ที่สมัยก่อนเคยคึกคักและเต็มไปด้วยลูกค้า หลังจากสงครามอิสราเอล-ฮะมาส ร้านเหล่านี้ก็ว่างเปล่า เงียบเหงาราวกับป่าช้า ในคูเวตก็เช่นเดียวกัน ในราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดนมีป้ายสินค้าที่ถูกคว่ำบาตรห้อยประจานอยู่ในชั้นวางสินค้าของซุปเปอร์มาร์เกต เจ้าหน้าที่รัฐสภาตุรกีบอกว่าที่ตุรกีห้ามขายโค้กในโรงอาหารของหน่วยงานรัฐหุ้นของบริษัทอเมริกานา เรสเทอรองต์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นผู้ถือแฟรนไชส์แบรนด์เคเอฟซี พิซซ่าฮัท คริสปี้ครีม และฮาร์ดีส์ ในตะวันออกกลางร่วงลง นับแต่สงครามเริ่มก็ร่วงไปแล้วร้อยละ ๒๗ และมีแนวโน้มว่าจะร่วงลงไปมากกว่านี้ การแบนสินค้า ของผู้บริโภคในปัจจุบันแตกต่างจากเมื่อก่อน ด้วยอิทธิพลของโซเชียลมีเดียทำให้มีการเห็นภาพ คลิป จากความโหดร้ายของสงคราม มีการฆ่าคนปาเลสไตน์ในกาซาให้เห็นทุกวัน ทำให้ผู้คนโกรธเคืองสหรัฐฯผู้หนุนอิสราเอลแม้ว่าบริษัทอเมริกันจะออกมาตะโกนก้องร้องประกาศว่าบริษัทของตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับความขัดแย้ง ไม่สนับสนุนการตัดสินใจของคณะรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก สหรัฐฯเองก็คงต้องพยุงสถานะทางเศรษฐกิจของตนเองจากการขายอาวุธสงครามและยุทโธปกรณ์ทางการทหาร ซึ่งการจะขายสินค้าประเภทนี้ได้ดีก็ต้องมีความขัดแย้งและมีสงคราม นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯต้องออกไปเจ้ากี้เจ้าการสร้างความขัดแย้งในประเทศโน้นชาตินี้อย่างไม่หยุดหย่อนภาพลักษณ์ของประเทศสำคัญ เพราะกระทบต่อสินค้าและบริการที่ออกไปลุยในตลาดต่างประเทศเพื่อหาเม็ดเงินสร้างความมั่งคั่งให้ชาติรัฐ ประเทศที่มีภาพลักษณ์ไม่ดี ก็พลอยทำให้ผู้บริโภคแขยงแขงขนสินค้าและบริการของประเทศนั้นไปด้วย แม้แต่ภาพลักษณ์อื่นที่ไม่เกี่ยวกับสงครามก็ถูกนำมาเกี่ยวข้อง เช่น การใช้แรงงานเด็ก คนแก่ คนป่วย คนท้อง หรือแม้แต่ความเมตตาต่อสัตว์ ก็เกี่ยว หลายประเทศพยายามปรับภาพลักษณ์ตรงนี้ เช่น เกาหลีใต้ซึ่งเป็นผู้ผลิตเบอร์ต้นๆของโลกก็ปรับภาพลักษณ์ของประเทศด้วยการให้รัฐสภาออกกฎหมายห้ามบริโภคเนื้อสุนัขสหรัฐฯมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่อันดับ ๑ ของโลก เมื่อธุรกิจสหรัฐฯได้รับผลกระทบก็ย่อมทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯสะเทือนตามไปด้วย และแน่นอนครับ ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐฯสะเทือนก็ซ้ำเติมเศรษฐกิจโลกที่ในขณะนี้มีปัญหามากอยู่แล้ว ให้แย่ตามไปด้วย.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok๑๙๙๗@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม
สะเทือนธุรกิจสหรัฐฯนอกประเทศ
เรื่องที่เกี่ยวข้อง