วันพุธ, 6 พฤศจิกายน 2567

หมดเวลาการเมืองโบราณ “อนุสรณ์” ชี้ ปมนายกฯ ๓ คน ทำลายความเชื่อมั่นรัฐบาลไม่ได้

“อนุสรณ์” อัด หยุดขยี้ปมนายกฯ ๒-๓ คน ชี้ ทำลายความเชื่อมั่นรัฐบาลไม่ได้ ซ้ำประชาชนไม่ได้ประโยชน์ ลั่น ได้เวลาการเมืองสร้างสรรค์ หมดเวลาการเมืองโบราณแบบสุดโต่ง ต้องก้าวข้าม “ทักษิณ” ให้ได้จริงๆ เสียทีวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางไปเยี่ยมอาการป่วยของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ว่า รัฐบาลประชาชนที่นำโดย นายเศรษฐา ทำงานมา ๖ เดือน โชว์วิสัยทัศน์ประกาศ Thailand Vision ยกระดับประเทศไทย ๘ ด้าน สู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรีที่ขยันขันแข็ง ทำงานโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งนี้ ยิ่งรัฐบาลสร้างมาตรฐานการทำงานไว้สูงแค่ไหน ฝ่ายค้านยิ่งต้องเร่งยกระดับการทำงานตามให้ทัน ไม่เช่นนั้นประเด็นที่เห็นต่างเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับรัฐบาลแล้วฝ่ายค้านจะไม่มีน้ำหนัก และไม่ได้เสนอสิ่งใหม่ที่เป็นทางเลือกและทางออกให้กับประชาชน รัฐบาลเศรษฐา มีจุดแข็งเรื่องทำงานแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจ ถ้าฝ่ายค้านยังคงจมปลักวนเวียนอยู่กับแต่การเปิดประเด็นทางการเมือง หวังดิสเครดิตรัฐบาลเป็นการเมืองแบบเก่า จุดพลุประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีพร้อมกัน ๒ คน แล้วจุดไม่ติด จะไปสร้างประเด็นต่อเป็นมีนายกรัฐมนตรีเพิ่ม ๓-๔ คน ก็คงไม่สามารถทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาลได้  นายอนุสรณ์ ระบุต่อไปว่า ก่อนหน้านี้มีกลุ่มเรียกร้องให้ นายทักษิณ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม วันนี้ นายทักษิณ ก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจนได้รับการพักโทษแล้ว และไม่ใช่ นายทักษิณ ได้รับการพักโทษเพียงคนเดียว แต่ใช้มาตรฐานการพักโทษแบบเดียวกับอีก ๙๓๐ ราย คนที่เคยเรียกร้องอยากให้ก้าวข้าม นายทักษิณ ในอดีต วันนี้ต้องก้าวข้ามให้ได้ การพยายามนำประเด็นได้รับการพักโทษของ นายทักษิณ มาผูกโยงกับรัฐบาลเพื่อหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคงไม่เกิดผลใดๆ เพราะรัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น “หมดเวลาการเมืองโบราณแบบสุดโต่ง มาเข้าสู่การเมืองยุคใหม่ที่สร้างสรรค์ สร้างประชาธิไปไตยที่กินได้ ให้ประชาชนได้ลืมตาอ้าปาก วาระนี้คือวาระรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ที่จะเปลี่ยนประเทศไทยไปในทางที่ดีขึ้น คนไทยต้องได้รับโอกาสที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น”