วันพุธ, 6 พฤศจิกายน 2567

"อนุชา" รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรฯ มุ่งยกระดับท่าเทียบเรือประมง "ระนอง" หนุนใช้ร่วมกัน

“อนุชา” รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ มุ่งยกระดับท่าเทียบเรือประมง “ระนอง” หนุนใช้ร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด เล็งปรับรูปแบบการค้าให้หลากมิติ สร้างเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศtt ttวันที่ ๒๒ ม.ค. ๖๗ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมท่าเทียบเรือประมงระนอง องค์การสะพานปลา ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง พร้อมด้วย ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในโอกาสการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (คณะรัฐมนตรีสัญจร) ๑/๒๕๖๗ จ.ระนอง ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ มกราคม ๒๕๖๗ ว่า รัฐบาล โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความสำคัญในเรื่องการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของภาคการประมง ตนในฐานะกำกับดูแลองค์การสะพานปลา จึงมีแนวคิดที่จะส่งเสริมและยกระดับสะพานปลา และอาชีพประมงให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น รวมไปถึงพัฒนาตลาดสินค้าสัตว์น้ำให้มีความทันสมัย มีมาตรฐานด้านสุขอนามัย และสนับสนุนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อให้มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้นtt ttสำหรับท่าเทียบเรือประมงระนองขององค์การสะพานปลา เป็นท่าขนถ่ายและจำหน่ายสินค้าสัตว์น้ำสำคัญของจังหวัด ที่มีการขนถ่ายสินค้าสัตว์น้ำจากประเทศเพื่อนบ้าน (เมียนมา) และเป็นท่าเทียบเรือที่ได้รับการรับรองสุขอนามัยสะพานปลาและท่าเทียบเรือประมงจากกรมประมง โดยในปี ๒๕๖๖ ที่ผ่านมามีปริมาณสัตว์น้ำผ่านท่าทั้งสิ้นประมาณ ๖,๖๒๓ ตัน (๖,๖๒๓,๔๘๑ กิโลกรัม) คิดเป็นมูลค่าสินค้า ๖๓๕ ล้านบาท ท่าเทียบเรือประมงแห่งนี้นอกจากจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องสถานที่จอดเรือประมงให้แก่พี่น้องชาวประมงแล้วยังช่วยสร้างรายได้ และทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชนด้วยtt tt“ท่าเทียบเรือประมงขององค์การสะพานปลา นับว่าเป็นสถานที่ที่สร้างประโยชน์ร่วมกันให้กับพี่น้องประชาชน ชุมชนชาวประมง รวมถึงประมงประเทศเพื่อนบ้าน ที่มาขึ้นสินค้าสัตว์น้ำเป็นจำนวนถึง ๘๐% ช่วยเพิ่มเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ ทำรายได้เข้าสู่ประเทศ ดังนั้นในอนาคตจึงจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุง และพัฒนาต่อยอดให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การปรับรูปแบบการค้าขายสัตว์น้ำให้มีมิติที่หลากหลาย การปรับปรุงสุขอนามัยท่าเทียบเรือ โดยใช้สารเร่ง พด.๖ ลดกลิ่นคาวปลาจากการขนถ่ายสินค้า เป็นต้น” นายอนุชา กล่าวtt ttทั้งนี้ องค์การสะพานปลา ได้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ ๔๕ ไร่ จากกรมป่าไม้ ซึ่งติดกับท่าเรือน้ำลึก อีกทั้ง ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) จังหวัดระนอง ได้ประสานขอใช้ประโยชน์ที่ดินจำนวน ๑๐ ไร่ จากองค์การสะพานปลา เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมองค์การสะพานปลา ใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารที่ตั้งสำนักงานศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จังหวัดระนอง และศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดระนอง ซึ่งองค์การสะพานปลากำลังดำเนินการประสานขอเข้าทำประโยชน์ ๑๐ ไร่ กับกรมป่าไม้ต่อไป.