วันพุธ, 6 พฤศจิกายน 2567

อิสราเอลสู้รบฮามาส ขยายวงสู่ศึก ๗ แนวรบ

ทั่วโลกยังจับตา “การสู้รบระหว่าง อิสราเอล-กลุ่มติดอาวุธฮามาส” นับวันยิ่งเพิ่มระดับความเข้มข้น “คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปไม่น้อยกว่า ๒ หมื่นคน” แถมมิได้จำกัดวงเฉพาะอิสราเอล-ฮามาสในกาซาเท่านั้นแต่ขยายแนวรบไปยังตอนเหนืออิสราเอลติดกับเลบานอน และที่ราบสูงโกลันของซีเรียลุกลามไปยังกลุ่มฮูตีในเยเมน ยืนอยู่ข้างกลุ่มฮามาสโจมตีเรือสินค้าผ่านทะเลแดง “ตอบโต้อิสราเอล” ทั้งขู่โจมตีเรือรบสหรัฐฯ และพันธมิตรด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด็อกเตอร์กฤษฎา พรหมเวค ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง บอกว่าtt ttผศ.ด็อกเตอร์กฤษฎา พรหมเวคตอนนี้อิสราเอลเดินหน้าโจมตีในกาซาทั้งทางภาคพื้นดินและทางอากาศรายวันยืดเยื้อมาหลายเดือน สาเหตุเพราะ “กลุ่มฮามาสใช้วิธีสงครามกองโจร” ด้วยอาศัยอุโมงค์ลับที่มีความสลับซับซ้อนถูกสร้างเป็นเครือข่ายใยแมงมุมอยู่ใต้ดิน สำหรับหลบเร้นซุ่มโจมตีกองทัพอิสราเอลมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้เหตุนี้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อ “การเดินหน้าโจมตีกลุ่มฮามาส” ทำให้กองทัพอิสราเอลต้องมุ่งเป้าค้นหาทำลายอุโมงค์ใต้ดิน ทั้งปรับแผนบีบโจมตีตอนกลางในกาซา “ส่งผลกระทบต่อชาวปาเลสไตน์” ต่างต้องอพยพ ลงตอนใต้ที่กำลังแออัดจากผู้พลัดถิ่นนับแสนคนมาพักอาศัยอยู่ที่นี้ดังนั้น นับตั้งแต่ “อิสราเอล” เริ่มทิ้งระเบิดตอบโต้เหตุโจมตี “กลุ่มฮามาส” เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม๒๕๖๖ “ส่งผลให้ผู้บริสุทธิ์ชาวปาเลสไตน์ถูกสังหารไปไม่น้อยกว่า ๒ หมื่นคน” แล้วยังมีบรรดาประชาชนในกาซามากกว่า ๘๐% ต้องกลายเป็นคนไร้ถิ่นฐานตกเข้าสู่ “ภาวะอดอยาก” ที่ต้องอพยพหนีจากปัญหาการสู้รบปะทะกันนี้ทว่าในส่วน “ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมก็ค่อนข้างทำได้ยาก” เพราะกองทัพอิสราเอลพยายามเข้าควบคุมทางตอนเหนือในกาซา และเตรียมขยายปฏิบัติการไปยังพื้นที่อื่นเพิ่ม โดยมุ่งเน้นไปยังภาคกลาง ภาคใต้ ทำให้ เจ้าหน้าที่สหประชาชาติถูกสังหารในสงครามฉนวนกาซาเป็นจำนวนมากกลายเป็นอุปสรรคสำหรับ “ในการแจกจ่ายความช่วยเหลือ” เพราะด้วยการนำความช่วยเหลือเข้าสู่กาซาได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น “เจ้าหน้าที่ต้องทำงานอย่างปลอดภัย” เช่นนี้ทำให้ทั่วโลกต่างออกมาเรียกร้องให้อิสราเอลหยุดการยิงในกาซา แต่กลับถูกปฏิเสธแถมโจมตีหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำแม้ว่าก่อนนี้มีข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว “เพื่อแลกเปลี่ยนตัวประกัน” แต่ปรากฏว่าอิสราเอลกลับละเมิดข้อตกลงนั้นด้วยการยิงถล่มโจมตีกลุ่มฮามาส อย่างหนัก นำมาซึ่ง “เจ้าหน้าที่สหประชาชาติและผู้สื่อข่าวจำนวนหนึ่ง” ที่กำลังอยู่ระหว่างการนำความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในกาซาเสียชีวิตหลายคนเรื่องนี้มีข้อสังเกตประการหนึ่งว่า “อิสราเอลโจมตีในกาซาทำให้ผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตมากมาย” แต่ไม่ปรากฏผู้นำโลกตะวันตกออกมาประณามการกระทำดังกล่าว หรือใช้มาตรการคว่ำบาตรเลยด้วยซ้ำ แม้แต่มีการใช้กลไกทางด้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ก็ไม่ผ่านมติประณามอิสราเอลใช้ความรุนแรงนั้นtt ttเนื่องจาก “สหรัฐอเมริกาใช้สิทธิ veto” เพราะไม่เห็นด้วยกับมติที่มี เนื้อหาประณามอิสราเอล และไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิทธิในการป้องกันตนเอง ของอิสราเอลมากพอ ทำให้ไม่สามารถระงับการเคลื่อนไหวทางการทหารของอิสราเอล “เพื่อหยุดยิงใส่ในกาซา” กลายเป็นปัญหาใหญ่เกิดความสูญเสียของผู้บริสุทธิ์อยู่ทุกวันนี้เมื่อเป็นแบบนั้น “ประเทศมุสลิมทั่วโลก” ต่างออกมาเรียกร้องตัดความสัมพันธ์ “คว่ำบาตรอิสราเอล” โดยเฉพาะชาติมุสลิมในตะวันออกกลาง “ออกมาต่อต้านสินค้า” สำหรับบริษัทให้การสนับสนุนแก่อิสราเอล เช่นกรณีฟาสต์ฟู้ดยี่ห้อตะวันตกในอิสราเอลประกาศแจกอาหารฟรีหลายพันชุดให้กับทหารอิสราเอลสิ่งนี้ได้ “สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มประเทศมุสลิมทั่วโลก” ที่มองว่า การประกาศเช่นนั้นเป็นการแสดงจุดยืนสนับสนุนกองทัพอิสราเอล และแม้ว่าต่อมาทางผู้บริหารจะออกแถลงการณ์ชี้แจงการกระทำนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นการประกาศจาก “ผู้ถือสิทธิ์แฟรนไชส์” ในแต่ละประเทศเพียงฝ่ายเดียวก็ตามนอกจากยังมี “กาแฟยี่ห้อดังของโลก” ถูกกล่าวหาให้การสนับสนุนอิสราเอล และล่าสุดลุกลามจนมีการปลดผู้ประกาศข่าวสาวรายหนึ่ง “ออกอากาศคู่แก้วกาแฟยี่ห้อนี้” ท่ามกลางการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ที่ส่งผลให้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกเข่นฆ่ากันเป็นจำนวนมากอยู่ขณะนี้ประเด็นตอนนี้ “อิสราเอลเปิดฉากสงคราม ๗ แนวรบ” เพราะนับแต่จบสงครามหกวันนั้นอิสราเอลก็ค่อนข้างขัดแย้งกับหลายประเทศอยู่เดิม แล้ว เหตุการณ์กลุ่มฮามาสจู่โจมอิสราเอลจนถูกตอบโต้ทางอากาศต่อเนื่องในกาซาเกินกว่าเหตุ ส่งผลต่อ “ประชาชนผู้บริสุทธิ์ชาวปาเลสไตน์” ก่อเกิดกระแสการต่อต้านลุกลามไปทั่วโลกทำให้แนวรบมิได้จำกัดเฉพาะ “อิสราเอล–ฮามาสในกาซา” แต่เกิด ปรากฏการณ์ ๗ แนวรบ ไม่ว่าจะเป็นอิสราเอลสู้รบกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในทางตอนเหนือติดกับเลบานอน และกองทัพอิสราเอลก็ยังโจมตีทางอากาศใส่พื้นที่รอบนอกกรุงดามัสกัสประเทศซีเรีย “สังหารที่ปรึกษาระดับสูง” กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่านอีกด้วยไม่เท่านั้น “อิสราเอล” ก็โจมตีทางอากาศ “เวสต์แบงก์” เพราะอ้างว่า เป็นฐานปฏิบัติการของชาวปาเลสไตน์ฝ่ายตะวันตก นอกจากนี้ อิสราเอล ยังมีแนวรบอื่นอีก เช่น อิรัก เยเมน อิหร่าน ทำให้ตอนนี้ต้องเผชิญกับโจทย์หลายแนวรบที่กำลังเตรียมจะจองกฐินกับอิสราเอลอยู่ตลอดเวลาด้วยซ้ำtt ttถัดมาในส่วน “แนวรบทะเลแดง” อันเกิดจากฝีมือของกลุ่มฮูตีในเยเมน ซึ่งเป็นชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน “ประกาศยืนเคียงข้างกลุ่มฮามาสมาตั้งแต่ต้น” แล้วก็เริ่มออกปฏิบัติการลอบโจมตีเรือของนานาชาติที่ล่องผ่านทะเลแดง “ตอบโต้อิสราเอล” ที่โจมตีเข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์ในกาซานั้นเพราะตอนนี้ “การจะหยุดอิสราเอลไม่ให้โจมตีในกาซาได้” จำเป็นต้องกดดันด้วยการโจมตีเรือขนส่งสินค้าที่เกี่ยวเนื่องด้วย “เพื่อกดดันตัดกำลังการขนส่งสินค้าและอาวุธ” โดยเจาะจงเลือกเฉพาะเรือสินค้าจอดแวะเมืองท่าสำคัญของอิสราเอลจนกว่าจะยุติสงคราม และไม่ใช้กำลังความรุนแรงในกาซาอีกต่อไปปัญหาว่า “ทะเลแดง” เป็นเส้นทางการค้าเสมือนเส้นเลือดใหญ่“เชื่อมต่อระหว่างยุโรปกับเอเชีย” โดยพื้นที่ทางด้านใต้ “ช่องแคบบับอัล-มันเดบ” ส่วนตอนเหนือคือ “คลองสุเอซ” สามารถเชื่อมต่อทะเลเมดิเตอร์เรเนียนออกสู่ประเทศในยุโรป ถ้าหากไม่ใช้เส้นทางนี้ต้องอ้อมไปทะเลแหลมกู๊ดโฮปใช้เวลาเพิ่มขึ้น ๗-๑๓ วันเช่นนี้อาจส่งผลให้ “สินค้าทางการเกษตรได้รับความเสียหาย” แถมต้องเพิ่มต้นทุนการขนส่งมากขึ้นอีกเท่าตัว “กลายเป็นต้นทุนสินค้าก็ต้องปรับขึ้นตาม” แล้วถ้าหากดูสินค้าผ่านช่องแคบทะเลแดงนี้มีประมาณ ๑๕% ของการค้าทั่วโลก ตู้คอนเทนเนอร์ราว ๓๐% ของทั้งโลก และมีเรือบรรทุกน้ำมัน ๑๒% ก๊าซธรรมชาติ ๘%ถ้าหากว่า “เรือบรรทุกสินค้าไม่สามารถขนส่งผ่านทะเลแดง” จะส่งกระทบต่อเศรษฐกิจโลกแน่ๆ ดังนั้น ทำให้ “สหรัฐอเมริกา” ได้จัดตั้งกองกำลัง ผสมเข้ามาปฏิบัติการร่วม ๑๐ ประเทศพันธมิตร เพื่อรับมือกับกลุ่มฮูตีโจมตีเรือสินค้าที่แล่นผ่านเส้นทางดังกล่าว กลายเป็นความท้าทายที่จะเกิดขึ้นบริเวณทะเลแดงนี้tt ttไม่เท่านั้นการโจมตีในทะเลแดง “มีผลต่อเบี้ยประกันภัยสูงขึ้น” เพราะเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงให้บริษัทเรือขนส่งสินค้ายุโรปทยอยระงับการเดินเรือชั่วคราว เช่น เอ็มเอสซี (MSC) ของอิตาลี, เมอส์ก (Maersk) ของเดนมาร์ก,ซีเอ็มเอ ซีจีเอ็ม (CMA CGM) ฝรั่งเศส และบริษัทบีพีน้ำมันระดับโลกก็ประกาศระงับเดินเรือผ่านทะเลแดงเช่นกันดังนั้น หาก “แนวรบในทะเลแดงลุกลามยืดเยื้อ” จะสร้างความเสียหายต่อการค้าโลกเป็นปัญหาห่วงโซ่อุปทานเลวร้ายลงอีก โดยเฉพาะน้ำมันปาล์ม และธัญพืชจากมาเลเซีย อินโดนีเซีย ต้องผ่านเส้นทางทะเลแดงไปยุโรปจำนวนมาก เพราะน้ำมันดอกทานตะวันขาดแคลนจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน จนต้องหันมาใช้มันน้ำธัญพืชแทนนี่เป็นสถานการณ์ “การสู้รบระหว่างอิสราเอล–กลุ่มฮามาส” เริ่มแผ่ขยายวงความขัดแย้งไปสู่ระดับภูมิภาคมากขึ้น “กระทบเป็นลูกโซ่ต่อ ทั้งโลก” โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่ดูกำลังเกิดขึ้นแล้วด้วยซ้ำ.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า ๑” เพิ่มเติม