วันพุธ, 6 พฤศจิกายน 2567

อูเครนเจ็บช้ำน้ำใจ

เด็กชาย ฮอร์ เฮ มาริโอ เบร์โกกลิโอ เกิด ณ กรุงบูเอโนสไอเรส สาธารณรัฐอาร์เจนตินา เมื่อ ค.ศ.๑๙๓๖ เป็นวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาเคมี จากมหาวิทยาลัยบูเอโนสไอเรส ปฏิญาณตนเป็นนักบวชคณะเยซูอิตเมื่อ ค.ศ.๑๙๕๘ รับศีลอนุกรมเป็นบาทหลวงเมื่อ ค.ศ.๑๙๖๙ จากนั้นก็ขยับมาเป็นบาทหลวงฮอร์เฮ เบร์โกกลิโอ เป็นอาร์ชบิชอปแห่งบูเอโนสไอเรส เป็นพระคาร์ดินัลการประชุมเลือกตั้งพระสันตะปาปาเมื่อ ๑๒ มีนาคม ๒๐๑๓ ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา ทรงพระนามว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เป็นพระสันตะปาปาพระองค์แรกจากทวีปอเมริกาและคณะเยซูอิตพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงให้สัมภาษณ์สื่อสวิสเมื่อกุมภาพันธ์ ๒๐๒๔ ว่า อูเครนควรกล้าหาญที่จะยกธงขาวและเจรจาเพื่อยุติการรบ การที่พระองค์ทรงให้สัมภาษณ์อย่างนี้ก็คงจะรู้ข้อมูลจริงเรื่องจำนวนผู้ตายในสงครามรัสเซีย-อูเครน ความที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุดของศาสนจักรนิกายโรมันคาทอลิก พระองค์คงมีข้อมูลเพียงพอที่ทำให้ทราบว่า อูเครนไม่มีทางรบชนะรัสเซีย ยิ่งแข็งขืนดึงดัน ประชาชนก็จะยิ่งล้มหายตายจาก บ้านเมืองวอดวายฉิบหายวินาศสันตะโรคำให้สัมภาษณ์ของพระสันตะปาปาฟรานซิสสร้างความตะลึงพรึงเพริดให้กับโลก คนที่ตกใจขวัญผวาอ้าหุบก็คือเซเลนสกี รัฐบาลอูเครนถึงขนาดต้องเรียกเอกอัครราชทูตวาติกันประจำกรุงคีฟเข้ามาพบ และแสดงความผิดหวังอย่างรุนแรง กระทรวงการต่างประเทศอูเครนถึงขนาดประกาศว่า คำให้สัมภาษณ์ของโป๊ปทำให้การใช้กำลังเป็นเรื่องถูกกฎหมาย ทำให้หลักกฎหมายระหว่างประเทศถูกละเลยมากขึ้นอีกคนหนึ่งซึ่งตะลึงพรึงเพริดถึงขนาดตาถลนออกมานอกเบ้าห้อยต่องแต่งคือเยน สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการนาโต แกถึงขนาดออกมาประกาศว่า การเจรจาที่จะช่วยให้อูเครนคงไว้ซึ่งความเป็นรัฐอิสระและมีอธิปไตยของตนเองจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อปูตินตระหนักว่าตนไม่มีทางชนะในสงคราม คำประกาศของเลขาธิการนาโตทำให้หลายคนที่รู้เรื่องสถานการณ์สงครามรัสเซีย-อูเครนหัวเราะจนฟันกระเด็นออกมานอกปาก สิ่งที่สโตล เตนเบิร์กหมายถึงอูเครนจะต้องสู้จนรัสเซียแพ้สโตลเตนเบิร์กบอกว่า สิ่งที่ต้องทำคือให้การสนับสนุนด้านการทหารแก่อูเครน และให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ในกรุงบรัสเซลส์ว่า ไม่ใช่เวลาที่ชาวอูเครนจะยอมแพ้ (การที่อูเครนแพ้) จะเป็นอันตรายต่อพวกเรา (ชาวนาโต) เองด้วยพระสันตะปาปาฟรานซิสให้สัมภาษณ์เรื่องอูเครนควรมีความกล้าหาญพอที่จะยกธงขาวและเปิดเจรจาเพื่อยุติการรบเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๐๒๔ หลังจากนั้น อูเครนก็รอคอยเครื่องบิน F๑๖ จำนวน ๔๕ ลำ ที่รัฐสมาชิกนาโตบอกว่าจะส่งให้ ไม่ใช่แค่ประเทศเดียวนะครับที่สัญญาว่าจะให้ ทั้งเดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ เบลเยียม ต่างให้สัญญาลาล่ะล้าแบบเดียวกัน แต่แล้วความหวังของอูเครนก็พังทลาย เมื่อรัฐสมาชิกนาโตไม่ทำตามสัญญาเรื่องการส่งเครื่องบิน F๑๖ จำนวน ๔๕ ลำ ให้อูเครนได้ แถมยังมีเสียงกระแนะกระแหนให้กองทัพอูเครนเจ็บช้ำน้ำใจด้วยว่า มีนักบินอูเครนเพียง ๑๒ นาย เท่านั้น ที่มีความสามารถพอที่จะขับเครื่องบินที่ผลิตโดยสหรัฐฯ มีการนำนายทหารอากาศอูเครนไปฝึกบินที่อังกฤษ พวกอังกฤษก็พูดว่า “การฝึกฝนของทหารอูเครนไม่ใช่การเรียนรู้แค่เพียงเทคนิคและกลยุทธ์การบินของนาโต แต่ต้องเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วย” การที่ออกมาพูดอย่างนี้ก็เหมือนตำหนิติเตียนว่าพวกทหารอูเครนบินได้ไม่ดี แถมไม่มีความรู้ทางภาษาอังกฤษสมาชิกนาโตบางประเทศก็บอกว่า อ้า จะมี F๑๖ ไปรบกับรัสเซีย รันเวย์ของอูเครนน่ะพร้อมหรือเปล่า ถ้ารันเวย์ไม่พร้อมก็จะส่งผลกระทบกับการมีเครื่องบินรุ่นนี้ที่ซับซ้อน บางประเทศก็ตะโกนใส่หน้าอูเครนว่า อ้า จะเอา F๑๖ ไปน่ะ ซ่อมเป็นหรือเปล่า ลักษณะคำพูดของพวกนาโต เหมือนกับจะรู้ว่าส่งเครื่องบินไปให้ อาจจะเสียของ เพราะถึงยังไงก็แพ้.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok๑๙๙๗@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม