วันพฤหัสบดี, 7 พฤศจิกายน 2567

เตรียมจับเพิ่มอีก "แก๊งศรีตบทรัพย์" ผบช.ก.ตั้งทีมร่วมลุยสางคดี

“บิ๊กก้อง” ตั้งคณะทำงานชุดใหญ่เสริมคดีตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว ตั้ง “รองหมู-พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.” เป็นหัวหน้า ดึงผู้การกองปราบฯ-ปอท. เข้าร่วมสางป้องกันสำนวนการสอบสวนล่าช้า “อัจฉริยะ” โผล่แจมคดีนำเอกสารหลักฐานมอบให้ “หลวงตาเต่า” เปิด ๒ ตัวละครลับในกระทรวงเกษตรฯ แอบส่งข้อมูลให้ “ก๊วนศรีสุวรรณ” ใช้ตบทรัพย์  ระบุเหตุไฟไหม้กระทรวงไม่ส่งผลรูปคดี และไม่น่าจะมีหลักฐานอะไรอยู่ในนั้น  ถึงจะมีหลักฐานในมือตำรวจเพียงพอดำเนินกลุ่มผู้ต้องหาได้ทั้งหมดกรณีตำรวจ บก.ปปป. จับกุมนายเอกลักษณ์ วารีชล หรือเอก ปากน้ำ อายุ ๔๗ ปี คีย์แมนคนสำคัญ ก๊วน “ศรีสุวรรณ” รีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าวแลกกับการไม่ร้องเรียนเรื่องทุจริต จากนั้นเกิดเหตุไฟไหม้ อาคารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บริเวณโซนห้องครัว ชั้น ๒ ใกล้ห้องทำงานของนายไชยา พรหมา รมช. เกษตรฯ เจ้าตัวเผยสื่ออย่าเอาไปโยงเรื่องนี้ เพราะ ไม่ได้คุมกรมการข้าว ขณะที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ. นำทีมตรวจที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง ตามที่เสนอข่าวไปนั้นความคืบหน้าเรื่องนี้เมื่อเวลา ๑๑.๐๐ น. วันที่ ๕ ก.พ. ที่อาคารพิทักษ์สันติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรม ช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพื่อนำรายชื่อ ข้าราชการกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ ๒ ราย มามอบให้ หลังเชื่อว่าเป็นคนให้ข้อมูลการทุจริตโครงการต่างๆในกรมการข้าวและ กรมฝนหลวงแก่นายเอกลักษณ์ วารีชล หรือเอก ปากน้ำ ผู้ร่วมขบวนการรีดทรัพย์ของนายศรีสุวรรณ จรรยานายอัจฉริยะกล่าวว่า คนแรกเป็นเพื่อนสนิทเอก ปากน้ำ มีชื่อเล่นว่าโอ เป็นข้าราชการระดับสูง ของกรมการข้าว อยู่ระหว่างถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแต่ไม่ขอระบุว่าถูกตรวจสอบเรื่องอะไร มีหลักฐานว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเอก ปากน้ำ ให้ข้อมูลเรื่องการทุจริตภายในกรมการข้าว มีหลักฐานเป็นแชตการสนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ อีกรายคือ นาย ก. ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงเกษตรฯ อยู่เบื้องหลังรัฐมนตรีรายหนึ่งของกระทรวง แต่ไม่ใช่นายธรรมนัส ทำหน้าที่ ชงข้อมูลกรมฝนหลวงให้ขบวนการดังกล่าวนำไปร้องเรียนที่คณะกรรมาธิการต่างๆ ต้องการให้ชุดคลี่คลาย ของ บช.ก. เชิญทั้งสองคนมาให้ข้อมูลในฐานะพยานเพราะจะมีประโยชน์ต่อรูปคดี แต่จะมีส่วนร่วมในขบวนการดังกล่าวหรือไม่ ไม่ขอก้าวล่วง แต่มองว่า หากมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการปราบปรามการทุจริตนั้น จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมากกว่านอกจากนี้ นายอัจฉริยะยังกล่าวว่า การมาเข้า พบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติยังได้นำข้อมูลการฮั้วประมูลโครงการของภาครัฐตั้งแต่ปี ๒๕๕๗-๒๕๖๖ มูลค่ากว่า ๙๗,๐๐๐ ล้านบาท ที่นายเจ๋ง ดอกจิก และนายศรีสุวรรณ เคยนำไปร้องเรียนกับคณะกรรมาธิการต่างๆ มามอบให้ชุดคลี่คลายคดี โดยเฉพาะเรื่องโครงการทุจริตเรื่อง เรือดำน้ำ เพราะหากข้อมูลชุดนี้เป็นจริง มองว่าจะทำให้ มองเห็นขั้นตอนขบวนการทุจริตการฮั้วประมูลได้อย่าง ชัดเจน เชื่อว่าจะนำผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตมาลงโทษได้ โดยเฉพาะนายบอย หัวเรือหลัก ในการฮั้วประมูลโครงการต่างๆของรัฐ และคนส่งข้อมูลให้เอก ปากน้ำ“นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างอาคาร ๑๙๑ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมูลค่ากว่า ๗,๐๐๐ ล้านบาท ที่มีความไม่ชอบมาพากล มีข้อมูลว่า มีบุคคล ๒ กลุ่มในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวข้องด้วย นายเจ๋ง ดอกจิก และนายศรีสุวรรณจะยื่นเรื่องนี้ให้กับคณะกรรมาธิการ ๒ คณะ ได้ตรวจสอบแล้ว แต่ภายหลัง ถอนเรื่องออกไป มองว่าน่าจะเกิดจากการเจรจากันใต้ดิน และได้ตกลงกันเรื่องผลประโยชน์เรียบร้อยแล้ว”นายอัจฉริยะยังได้กล่าวถึงกรณีเพลิงไหม้ที่กระทรวงเกษตรฯ มีข้อมูลว่าเป็นห้องรวบรวมเอกสารของกรมการข้าวและกรมฝนหลวงเอาไว้ มีความ เชื่อมโยงในคดีรีดทรัพย์นายศรีสุวรรณ และยังเคยมีหลักฐานที่ระบุว่าหนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในขบวนการนายศรีสุวรรณ ขึ้นไปพบกับข้าราชการระดับสูงในกระทรวงเกษตรฯที่ห้องอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งวัน อีกทั้งยังตั้งข้อสังเกตว่า ภายหลังจากเกิดเพลิงไหม้ได้เพียง ๑๕ นาที มีโฆษกกระทรวงเกษตรฯ รีบออกมาระบุถึงสาเหตุว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรทั้งที่เจ้าหน้าที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานยังไม่ได้เข้าพื้นที่และตรวจสอบข้อเท็จจริง และยังมองว่าเวลาที่เกิดเหตุเพลิงไหม้คือเวลา ๑๘.๐๐ น. เป็นการจงใจตั้งเวลาหรือไม่“อยากฝากไปถึงนายเจ๋ง ดอกจิกว่า ขอบคุณที่ออกมาแถลงข่าวยอมรับข้อเท็จจริงเรื่องคลิปเสียงและแชตไลน์ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวจริง พร้อมแนะนำว่าการยกธูปเทียนพานกล่าวสาบานต่อหน้าสื่อมวลชนและโรงแรมนั้น ไร้ประโยชน์ หาก แน่จริงให้ไปสาบานที่วัดหงษ์ จ.บุรีรัมย์ เชื่อ ๗ วัน เห็นผลนายเจ๋งตายแน่นอนและพร้อมยินดีช่วยออกค่าใช้จ่ายและไปด้วย” นายอัจฉริยะกล่าวทิ้งท้ายต่อมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับนายอัจฉริยะพบว่าเอกสารที่นำมามอบให้ค่อนข้างมีประโยชน์ต่อคดี จากนี้จะนำไปรวมกับสำนวนที่ทำไปแล้ว เนื่องจากตามพฤติการณ์ค่อนข้างสอดคล้องกับแนวทางการสืบสวนสอบสวน คดีนี้มีการออกหมายเรียกพยานมีทั้งข้าราชการและพลเรือน มาให้ปากคำไปแล้วกว่า ๑๐ ราย ในสัปดาห์นี้จะเสนอศาลขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก ๑ ราย เป็นบุคคลใกล้ชิด ๑ ใน ๔ ผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีไปแล้ว ส่วนผู้ต้องสงสัยที่เป็น เจ้าของบัญชีม้านั้นสมัครใจเข้าให้ข้อมูล พนักงานสอบสวนไม่ต้องออกหมายจับ เพียงแต่เรียกมาสอบสวน ว่าเกี่ยวข้องอย่างไร ทำไมบัญชีธนาคารถึงตกไปอยู่ ในกลุ่มผู้ต้องหาได้พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีผู้เสียหายในวงอื่นๆ ขณะนี้ติดต่อมา ๒ กลุ่ม แต่ยัง ไม่มีการเข้ามาแจ้งความ ทราบว่าอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานอาจใช้เวลา ๑ สัปดาห์ ส่วนเหตุไฟไหม้กระทรวงเกษตรฯ มองว่าไม่น่าผิดปกติอะไร ไม่เห็นว่า จะมีหลักฐานอะไรที่เกี่ยวข้องอยู่ในห้องที่เกิดเหตุ และถึงแม้หลักฐานจะถูกเผาทำลายไปแล้วก็ไม่ได้ส่งผลอะไร เพราะหลักฐานที่ตำรวจมีอยู่เพียงพอที่จะดำเนินคดีผู้ต้องหาได้ แต่ทั้งนี้ต้องรอให้กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบก่อนถึงจะทราบได้ว่ามีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีมีส่วนเสียหายหรือไม่รอง ผบช.ก.ยังกล่าวต่อถึงกรณีผู้เสียหายรายอื่นที่ยังไม่กล้าเข้าแจ้งความ เพราะกลัวจะถูกดำเนินคดีไปด้วย เนื่องจากมีส่วนทุจริต เรื่องนี้ยอมรับ ว่าเป็นปัญหาสำคัญทำให้ไม่สามารถขยายผลการดำเนินคดีได้ อยากให้ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความเพิ่ม มองว่าอยากให้แยกแยะ เพราะคดีการตบทรัพย์ถือเป็นการกระทำความผิดที่สมบูรณ์แล้วเอาผิดกับผู้ต้องหาได้แน่ๆ ส่วนการทุจริตนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวผู้เสียหายเองวันเดียวกัน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.มีหนังสือแต่งตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนในคดีตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าวให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เป็นรองประธาน พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. เป็นเลขาฯ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท.เป็นคณะกรรมการ นำตำรวจกองปราบ และ บก.ปอท.ร่วมชุดทำงาน บก.ปปป. เนื่องจากเห็นว่าคดีขยายขอบเขตการสืบสวนสอบสวนไปมาก มีพยานหลักฐานที่ต้องตรวจสอบจำนวนมาก อาจทำให้สำนวนล่าช้า ไม่ทันส่งสำนวนให้อัยการคดีทุจริตและประพฤติมิชอบฯ ที่มีกำหนดเวลาอีก ๒ เดือน หรือ ๖ ผัดฟ้องวันเดียวกันที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ น.ส.อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ โฆษกกระทรวงเกษตรฯ (ฝ่ายการเมือง) กล่าวว่า วันนี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการเกษตรฯ นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรฯ เข้าตรวจ พื้นที่จุดเพลิงไหม้โดยได้รับการอนุญาตจากกองพิสูจน์ หลักฐาน เพื่อเข้าไปเก็บของและสำรวจความเสียหายตลอดจนดูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายเพื่อวางแผนปรับปรุง หลังจากกองพิสูจน์หลักฐานดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายเป็นที่เสร็จสิ้น พบความเสียหายบริเวณห้องครัวหนักสุด คาดว่าน่าจะเป็นจุดต้นเพลิง เนื่องจากจุดนี้มีเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก และยังมี ร่องรอยการเผาไหม้ที่เกิดขึ้น สันนิษฐานว่าต้นเพลิงน่าจะเกิดจากห้องครัวทำให้เปลวไฟลุกลามติดผ้าม่าน วอลเปเปอร์ที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เปลวไฟทวี ความรุนแรงและได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส สั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าสำรวจความเสียหายวางแผนปรับปรุงห้องใหม่ทั้งโซนเพื่อซ่อมแซมทั้งโครงสร้างพื้นเพดานใหม่ทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย และให้ใช้พื้นที่กรมชลประทาน เป็นที่ทำงานชั่วคราวของนายไชยาระหว่างรอปรับปรุงพื้นที่โฆษกเกษตรฯ กล่าวถึงกรณีที่ สส.พรรคก้าวไกล เรียกร้องให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดว่า อยู่ในดุลพินิจเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย ตามประจักษ์ พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เน้นย้ำไม่ควรเอาประเด็นทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความสับสนในการทำสำนวนคดีของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ไม่ควร เข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ หรือสร้างภาวะความกดดันใดๆกับผู้ปฏิบัติงานตามกฎหมาย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บชิ้นส่วนสายไฟในที่เกิดเหตุคาดว่าน่าจะเป็นต้นเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ต้องรอสรุปผลของกองพิสูจน์หลักฐานต่อไปขณะที่นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรฯ กล่าวว่า สิ่งของในห้องทำงานตนไม่ได้เสียหาย ทุกอย่างอยู่ครบมีเพียงแค่พื้นชุ่มฉ่ำเปียกน้ำ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ใช้น้ำฉีดสกัดตอนเกิดเหตุ เป็นน้ำท่วมขังในห้องวันนี้มาดูห้อง นำของที่สำคัญและเอกสารในการทำงาน ออกมาเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อในพื้นที่ทำงานชั่วคราวที่กรมชลประทานอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่