สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ ๙ นครราชสีมา เตือนคนชอบกิน “หมูดิบ” พบคนป่วยเป็น “ไข้หูดับ” เสียชีวิตแล้ว ๘ ศพ ปรามนักรีวิวให้รับผิดชอบต่อสังคม หวั่นเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ พร้อมแนะวิธีการป้องกัน “โรคไข้หูดับ”วันที่ ๕ ม.ค. ๒๕๖๗ นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ ๙ นครราชสีมา เผยว่า ในช่วงนี้พบผู้ป่วยโรคไข้หูดับทั้งจากการกินแหนมดิบ, หมูดิบ ลาบเลือดดิบ, ก้อยดิบ และดื่มสุราร่วมกับกินอาหารสุกๆ ดิบๆ รวมไปถึงพ่อครัว แม่ครัว ผู้ปรุงอาหารที่มีบาดแผลแล้วไปสัมผัสเนื้อหมูหรือเลือดหมูดิบๆ ที่มีเชื้อ ทำให้เสี่ยงติดเชื้อโรคไข้หูดับได้ ทั้งนี้ สคร.๙ จึงเตือนว่าอย่ากินแหนมหมูดิบ, ลาบเลือดดิบ รวมถึงใช้วิธีบีบมะนาวเพื่อให้หมูสุก รวมไปถึงอาหารปิ้งย่าง ควรมีอุปกรณ์คีบเนื้อหมูสุกและเนื้อหมูดิบแยกจากกัน ไม่ควรใช้ตะเกียบคีบหมูดิบ แล้วนำมารับประทาน เพราะหากติดเชื้อโรคไข้หูดับแล้ว อาจทำให้สูญเสียการได้ยินหรือที่เรียกว่าหูดับ จนถึงขั้นหูหนวกถาวรได้ สำหรับโรคไข้หูดับ เกิดจากการกินเนื้อหมูหรือเลือดหมูสุกๆ ดิบๆ เช่น ลาบหมูดิบ, ลาบเลือดดิบ ที่มีเชื้อสเตปโตค็อกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) ปนเปื้อนอยู่ โดยเชื้อนี้จะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และอยู่ในเลือดของหมูที่ติดเชื้อ นอกจากนี้ โรคไข้หูดับสามารถติดต่อผ่านทางบาดแผล, รอยถลอก และทางเยื่อบุตา เมื่อได้รับเชื้อโรคไข้หูดับเข้าไปแล้ว ทำให้ผู้ติดเชื้อมีไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ หนาวสั่น สับสนกระสับกระส่าย ปวดข้อ คอแข็ง หูหนวกหรือการได้ยินลดลงอย่างเฉียบพลัน การทรงตัวผิดปกติ หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลือดต่ำ มีจ้ำเลือดทั่วตัว ปวดตา ตาแดง หรือมองภาพไม่ชัดทั้งนี้ สำหรับสถานการณ์โรคไข้หูดับในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ถึง ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๖ มีผู้ป่วยโรคไข้หูดับ ๕๙๒ ราย มีผู้เสียชีวิต ๓๒ ราย ที่ จ.แม่ฮ่องสอน ๑ ราย จ.น่าน ๑ ราย จ. สุโขทัย ๑ ราย จ.ตาก ๔ ราย จ.อุตรดิตถ์ ๒ ราย จ.กำแพงเพชร ๑ ราย จ. พิจิตร ๑ ราย จ.อุทัยธานี ๒ ราย จ.นครปฐม ๑ ราย จ.สมุทรสาคร ๑ ราย จ.มหาสารคาม ๕ ราย จ.หนองคาย ๒ ราย จ.นครราชสีมา ๕ ราย จ. ชัยภูมิ ๑ ราย จ.บุรีรัมย์ ๑ ราย จ.สุรินทร์ ๑ ราย จ.สงขลา ๑ ราย และกรุงเทพ ๑ รายส่วนสถานการณ์โรคหูดับ ในเขตสุขภาพที่ ๙ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ถึง ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๖ พบผู้ป่วยโรคไข้ หูดับจำนวน ๑๓๗ ราย มีผู้เสียชีวิต ๘ ราย ผู้ป่วยแยกเป็นรายจังหวัด ดังนี้ ๑. จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ป่วย ๙๙ ราย เสียชีวิต ๕ ราย ๒. จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ป่วย ๑๕ ราย เสียชีวิต ๑ ราย ๓. จังหวัดชัยภูมิ มีผู้ป่วย ๑๔ ราย เสียชีวิต ๑ ราย ๔. จังหวัดบุรีรัมย์ มีผู้ป่วย ๙ ราย เสียชีวิต ๑ ราย ส่วนอาชีพที่พบผู้ป่วยสูงสุดคือ รับจ้าง ร้อยละ ๓๒.๑๒ รองลงมาคือ เกษตรกร ร้อยละ ๓๑.๓๙ และทำงานบ้าน ร้อยละ ๑๔.๖๐ ตามลำดับ กลุ่มอายุที่พบสูงสุดคือ กลุ่มอายุ ๖๕ ปี ขึ้นไป รองลงมาคือกลุ่มอายุ ๕๕-๖๔ ปี และกลุ่มอายุ ๔๕-๕๔ ปี ตามลำดับนายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน กล่าวต่อไปว่า ในปัจจุบันมีกระแสสังคมบนสื่อออนไลน์ได้รีวิวการรับประทานอาหารดิบ และมีพฤติกรรมการดื่มสุราร่วมกับการรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ มีผู้ติดตามรับชมจำนวนมาก อาจทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ หรืออยากลองทำตาม ทำให้เสี่ยงติดเชื้อโรคไข้หูดับได้ เพื่อเป็นการป้องกันโรคไข้หูดับ ขอให้ประชาชนรับประทานหมูอย่างถูกวิธี ดังนี้๑. รับประทานเนื้อหมู หรือเลือดหมูที่ปรุงสุกเท่านั้น โดยปรุงให้สุกผ่านความร้อนมากกว่า ๗๐ องศาเซลเซียส นานอย่างน้อย ๑๐ นาที๒. อาหารปิ้งย่าง ควรใช้อุปกรณ์ในการคีบเนื้อหมูดิบและเนื้อหมูสุกแยกจากกัน และขอให้ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด”๓. ไม่ควรรับประทานหมูดิบร่วมกับการดื่มสุรา๔. เลือกซื้อเนื้อหมูจากแหล่งที่มีมาตรฐาน เชื่อถือได้ ไม่ควรซื้อจากแหล่งที่ไม่ทราบที่มาของหมู๕. ผู้ที่สัมผัสกับหมูที่ติดโรค โดยเฉพาะผู้เลี้ยงหมู ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้ชำแหละเนื้อหมู สัตวบาล สัตวแพทย์ ควรสวมรองเท้าบูตยาง สวมถุงมือ รวมถึงสวมเสื้อที่รัดกุมระหว่างทำงาน หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด และล้างมือหลังสัมผัสกับหมูทุกครั้ง หากมีข้อสงสัย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. ๑๔๒๒.