วันศุกร์, 8 พฤศจิกายน 2567

เศรษฐา ควักกระเป๋าชิมกาแฟภาคเหนือ ชี้ ปี ๖๖ ตลาดจริงใจสร้างรายได้ ๒๙๕ ล้าน

นายกฯ เดินชมตลาดจริงใจ ควักเงินแบงก์พัน ชิมกาแฟพื้นเมืองของภาคเหนือ สนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชน ส่งเสริมคนท้องถิ่น เผย ปี ๖๖ ตลาดนี้สร้างรายได้ให้ชุมชน ๒๙๕ ล้านเมื่อเวลา ๑๒.๐๐ น. วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๗ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะนักธุรกิจ เดินทางไปยังตลาดจริงใจ (JING JAI MARKET) โดยเดินเยี่ยมชมและศึกษาเมล็ดกาแฟที่เป็นผลผลิตจากเกษตรกรพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่ข้างเคียง เช่น เมล็ดกาแฟดอยขุนวาง อำเภอแม่วาง เมล็ดกาแฟดอยขุนช้างเคี่ยน อำเภอเมือง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับบาริสต้าเจ้าของร้าน พร้อมกับชิมกาแฟพื้นเมือง และซื้อกาแฟชิมแก้วละ ๑,๐๐๐ บาท โดยหลังได้ชิมนายกรัฐมนตรีกล่าวความรู้สึกว่า รสชาติแปลก ดื่มแล้วไม่เหมือนกินกาแฟ พร้อมชื่นชมรสชาติและรูปแบบการนำเสนอกาแฟ สอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาลที่พร้อมส่งเสริมกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย รวมไปถึงภาคเกษตรกรต้นทางผลผลิต ทั้งเมล็ดกาแฟไทย และร้านกาแฟของคนไทยtt tttt ttจากนั้น นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมในโซนตลาดจริงใจ Farmers Market ซึ่งเป็นตลาดผักเกษตรอินทรีย์ที่จำหน่ายพืชผัก ผลไม้ ออร์แกนิก และปลอดสารจากเกษตรกรในจังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่ใกล้เคียง เช่น จากอำเภอพร้าว อำเภอสารภี อำเภอสะเมิง อำเภอดอยสะเก็ด อำเภอไชยปราการ อำเภอแม่อาย โดยภาคเอกชนได้สนับสนุนผ่านการส่งเสริม ให้ความรู้แก่เกษตรกรในการปลูกผลิตภัณฑ์เกษตรแต่ละชนิดให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งเป็นตัวแทนในการรับผลผลิตเข้ามาขาย และหาช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังตลาดและกระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ ช่วยสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งจากเดือนมกราคม-ธันวาคม ๒๕๖๖ ที่ผ่านมา ตลาดจริงใจสามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนได้กว่า ๒๙๕ ล้านบาทนอกจากนี้ นายเศรษฐา ยังได้เดินชมผลิตภัณฑ์จากกลุ่มตลาดสินค้าทำมือ ซึ่งได้รวบรวมช่างฝีมือท้องถิ่นไว้ในพื้นที่ถึง ๑๙๐ ร้านค้า เช่น การทอผ้าท้องถิ่น การออกแบบเสื้อผ้าพื้นเมืองให้ร่วมสมัยจาก young designer ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้ จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันภายในตลาดจริงใจtt tttt tttt ttผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายเศรษฐา ยังได้โพสต์ภาพและข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) ระบุว่า การทำ Business Matching ระหว่างเกษตรกรรายย่อยกับผู้ขายรายใหญ่ นำสินค้าชุมชนสู่มือผู้บริโภคโดยตรง แบบ Farm to Table เป็นการตัดตอนพ่อค้าคนกลาง ทำให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น โดยตลาดจริงใจเป็นหนึ่งภาคเอกชนที่สามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนได้กว่า ๒๙๕ ล้านบาท ในที่ผ่านมา”อีกอย่างที่ผมสนใจคือเมล็ดกาแฟ ซึ่งเป็นผลผลิตที่สร้างรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ และภาคเหนืออย่างมาก ผมได้ชิมกาแฟจาก ๑ ในร้านกาแฟจากผู้ประกอบการรายย่อยที่ร่วมงาน Chiang Mai Coffee Week รสชาติดีเลยครับ ดังนั้น หน้าที่ผมคือพาเกษตรกรรายย่อยกับผู้ขายรายใหญ่มาเจอกันให้มากที่สุดครับ”(ภาพ : ศรันย์ พงษ์สวัสดิ์)