ผมเปิดหาเรื่องที่เคยอ่าน แต่จำชื่อเรื่องไม่ได้ ในชวนม่วนชื่นของพระอาจารย์พรหม ก็ต้องเปิดอ่านไปทีละหน้า ไล่เลียงไปทีละเรื่อง คราวนี้เจอแล้ว! ท่านตั้งชื่อไว้ว่า “โลกเสรี”พระเพื่อนของท่านรับนิมนต์ไปสอนการฝึกสมาธิ ในเรือนจำแห่งใหม่ ใกล้เมืองเพิร์ธ ท่านสอนเรื่อยไปกว่าสองอาทิตย์ ท่านจึงรู้ว่า แดนคุกที่ท่านสอนมีการควบคุมเข้มงวดรัดกุมที่สุดท้ายการสอน…วันนั้น นักโทษแสดงความเคารพและศรัทธาท่านมาก อยากให้ท่านเล่าถึงกิจวัตรประจำวันของท่านให้ฟังบ้าง“เริ่มตื่นกันตั้งแต่ตีสี่” พระเริ่มเล่า “บางเช้าที่หนาวมากๆ พระจะหนาวมากกว่าชาวบ้าน”“ทำไม?” นักโทษสงสัย แล้วก็ครางฮือ เมื่อได้ฟังว่า “ห้องเล็กๆที่เรานอน ไม่มีเครื่องทำความร้อน”พระเล่าต่อ เราฉันอาหารวันละมื้อ มื้อนั้นเรารวมอาหารทุกอย่าง ที่ได้จากการบิณฑบาตลงในบาตร และฉันไปอย่างนั้น แล้วทั้งวัน ไม่ว่าตอนบ่าย กลางคืน เราจะไม่ฉันอะไรอีกมีเสียงถามถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ …พระบอก “เราไม่ดื่ม” นักโทษถามถึงเพศสัมพันธ์ ท่านก็ตอบ “ไม่มี” ไปถึงทีวีวิทยุ พระไม่เคยดูไม่เคยฟัง หนังในโรง กีฬาในสนาม ไม่เคยไปตลอดเวลาแห่งคำถามและคำตอบ มีเสียงอือ ฮือ เป็นระยะๆกิจกรรมอะไรๆที่พวกมนุษย์ธรรมดาทำ พระเล่าว่า ทำไม่ได้ หรือไม่ทำ จึงมีคำถาม ถ้างั้นในเวลาตื่น “ท่านทำอะไรกัน”…“เราทำงานหนัก ระหว่างงานเราพูดกันน้อยมาก”และหากมีเวลาว่าง พระก็ใช้เวลาทั้งหมดกับการนั่งขัดสมาธิเฝ้าดูลมหายใจพระและนักโทษผ่านวันเวลาแห่งการฝึกสมาธิกันมานานพอ ไม่มีใครแปลกใจกับกิจกรรม “เฝ้าดูลมหายใจ”ทีนี้ก็มาถึงคำถามสุดท้าย “เวลานอน”“พระนอนบนพื้น ไม่ได้นอนบนเตียง ที่มีหมอนนุ่มๆ ฟูกนิ่ม” ฟังถึงตอนนี้เหล่าศิษย์นักโทษก็ถึงกับนิ่งอึ้งในความคำนึงของนักโทษในเรือนจำมหันตโทษที่คุมเข้มสุดๆ พวกเขาก็มีอาหารกินตามเวลาทุกมื้อ มีที่นอนแบบที่มนุษย์ธรรมดานอนได้สบายๆวิถีชีวิตเข้มงวดของพระ เมื่อเทียบเรือนจำที่พวกเขาอยู่ เรือนจำจึงเปรียบเหมือนโรงแรมห้าดาวในความเงียบ อึ้งกับความรู้สึกนึกคิดอึงคะนึงเหล่านั้น นักโทษคนหนึ่งดูเหมือนจะเผลอลืมพวกเขาอยู่ในเรือนจำ หลุดปากถามพระเสียงเบาๆ“ชีวิตในวัดมันแย่ถึงขนาดนั้น นิมนต์ท่านมาอยู่กับพวกเราในนี้ ไม่ดีกว่าหรือครับ”นักโทษเกือบทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพระอาจารย์พรหมเล่าว่า ตัวพระอาจารย์เมื่อฟังเรื่องที่เพื่อนพระเล่า ก็ได้ความคิดที่ละเอียดลึกซึ้งยิ่งขึ้นว่า จริงของพวกเขา ชีวิตพระในวัดมีข้อปฏิบัติที่ละเอียดเข้มงวดกว่าในคุกขังนักโทษคดีอุกฉกรรจ์มากข้อแตกต่างนักโทษจำใจอยู่ในเรือนจำ แต่พระอยู่ในวัดอย่างสมัครใจ และอยู่ได้อย่างมีความสุขสถานที่ใดที่เราไม่สมัครใจอยู่ ไม่ว่าจะสะดวกสบายแค่ไหนมันก็คือเรือนจำนี่คือความหมายที่แท้จริงของคำว่า “เรือนจำ”ถ้าเรามีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ไม่ชอบ หน้าที่การงานก็คือเรือนจำ ความสัมพันธ์ใดๆที่เราไม่พอใจ นั่นก็คือเรือนจำ ร่างกายที่เจ็บไข้ได้ป่วย ทนทุกข์ทรมาน คือเรือนจำคำถาม เราจะหนีจากเรือนจำเหล่านั้นได้อย่างไร?คำตอบก็คือ เปลี่ยนความคิด จากความจำใจ ให้เป็นความพอใจ แค่นั้นบ้านเมืองเราตอนนี้มีใครสักคนพอใจกับเรือนจำชั้น ๑๔ ไม่มี เสียงหืออือ…ออกมาสักคำ แต่ก็แปลกที่มีคนนอกเรือนจำมากมาย เป็นทุกข์ทุรนทุราย เออ! ไปทุกข์แทนเขาทำไม? ผมน่ะแปลกใจจริงๆ.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม
เรื่องที่เกี่ยวข้อง