วันพฤหัสบดี, 7 พฤศจิกายน 2567

แนวร่วมมุมกลับ

ของมันแรง…อย่าทำเป็นเล่นไปเป็นไปอย่างที่มีการคาดการณ์กันว่า เมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ได้พักโทษมีอิสรภาพสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติเหมือนคนทั่วๆไปเขาจะเป็นศูนย์กลางอำนาจการเมืองอย่างเต็มตัวทว่าด้วยอำนาจบารมีนั้น สามารถส่งผลทั้งแง่บวกและแง่ลบได้เช่นเดียวกัน แง่บวกก็ทำให้เกิดขวัญกำลังใจแก่ผู้สนับสนุนเขา“เพื่อไทย” นั้นได้เต็มๆ“เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ก็ได้เต็มๆเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าต้องมีระยะห่างที่เหมาะสม เพราะมันมี ๒ ด้านในเวลาเดียวกันด้านหนึ่งที่ทำให้เกิดความมั่นใจและการตัดสินใจต่างๆดีขึ้น รวมถึงสามารถที่จะตอบแทนบุญคุณที่ปั้นให้เขามายืนในจุดนี้ได้แต่อีกด้านหนึ่งทำให้เกิดผลลบขึ้นมาได้  เพราะมันเหมือนเงาทาบบดบังรัศมีความเป็นเบอร์ ๑ ของเขาไปทันทีนี่ว่ากันตามสภาพความเป็นไปที่เกิดขึ้นหลังจาก “เศรษฐา” ได้มุดรั้วบ้านจันทร์ส่องหล้าเข้าไปพบ “ทักษิณ” แล้ว ปรากฏเกิดผลสะท้อนออกมาหลายแง่มุมด้านหนึ่งบอกว่า เป็นถึงนายกรัฐมนตรีแต่ไปพบกับนักโทษที่ยังไม่พ้นคดีทำให้หน้าอายและเสียเกียรติภูมิอีกมุมหนึ่งมองว่า แบบนี้เท่ากับเมืองไทยมีนายกรัฐมนตรี ๒ คนอีกมุมจากโพลชี้ว่า แบบนี้ทำให้ “เพื่อไทย” เสียคะแนนนิยมแต่ที่แน่ๆทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาอย่างมิอาจปฏิเสธได้คือนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการต้องเสียเครดิตและความยอมรับไปโดยปริยาย เนื่องจากมีอีกบุคคลที่เหนือกว่าเพราะถ้าถนนทุกสายมุ่งสู่จันทร์ส่องหล้า เศรษฐาก็แทบจะไม่มีความหมาย เพราะผู้กำหนดทุกอย่างคือคนนั้นไม่ใช่นายกรัฐมนตรีที่มาอย่างถูกต้องตามกฎหมายมีข้อสังเกตอย่างหนึ่งเมื่อนักข่าวถามนายกรัฐมนตรีว่าจะมีการปรับ คณะรัฐมนตรีหรือไม่ หลังจากออกมาจากบ้านหลังนั้น  ทำให้ “เศรษฐา” ไม่ค่อยจะพอใจคำถามนี้สักเท่าใด บอกว่าเป็นอำนาจของผมและยังไม่มีความคิดที่จะปรับแต่อย่างใด “ถามอยู่ได้ทุกวัน”ปกติเจอคำถามนี้ก็จะตอบเพียงแค่ปฏิเสธยังไม่มีความคิดนี้ในแบบสบายๆ แต่ครั้งนี้ค่อนข้างจะใส่อารมณ์เจืออยู่บ้างเพื่อจะบอกว่า ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเขา “ทักษิณ” ไม่เกี่ยวในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ แกนนำ “เพื่อไทย” หลายคนคงอ่านเกมออกจึงให้ข่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า ยังไม่เดินทางไปพบตอนนี้ ให้ท่านพักฟื้นพักผ่อนก่อนแล้วค่อยไปเพราะท่านเป็น “นายเก่า”พูดง่ายๆว่า ต้องการให้คนใน “เพื่อไทย” หยุดคิดในเรื่องนี้และยังไม่ต้องแห่กันไปเยี่ยมเพราะมิเช่นนั้นแล้วการเมืองจะโฟกัสไปที่ “ทักษิณ” บดบังความสำคัญ “เศรษฐา” ไปทันที ไม่ต่างกับมีนายกรัฐมนตรี ๒ คนเพราะแค่นี้ “เศรษฐา” ก็เสียรังวัดไปเยอะแล้วแม้จะเก็บอาการแต่ก็พอจะสังเกตเห็นได้ เพราะคนเราย่อมมีความรู้สึกกันได้ถือเป็นเรื่องปกติแต่ในทางการเมืองมีความต่างกันอยู่เมื่อผู้นำรัฐบาลถูกลดความสำคัญ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อความเชื่อมั่นและการยอมรับ!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม