ไทยสร้างไทย หนุนญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา ๑๕๒ หวังใช้เป็นช่องทางเตือนสติรัฐบาลชี้ นโยบายเรือธงยังเกยตื้น ทั้งขึ้นค่าแรง, เงินดิจิทัล จี้เปลี่ยนแจกเงินหมื่น มาแจกเครดิตให้ประชาชน สร้างโอกาสสร้างอาชีพวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๗ นายชัชวาล แพทยาไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย นางรำพูล ตันติวณิชานนท์ สส.อุบลราชธานี พรรคไทยสร้างไทย เป็นตัวแทนพรรคไทยสร้างไทย ร่วมกับผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และตัวแทน ๖ พรรคฝ่ายค้าน ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงหรือข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๒ นายชัชวาล เปิดเผยว่า พรรคไทยสร้างไทย โดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย รวมถึงคณะกรรมการบริหารพรรค ได้ติดตามการทำงานของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ได้เสนอแนะฝ่ายบริหารให้ปรับปรุงการจัดทำนโยบาย แต่ตลอดระยะเวลา ๖ เดือนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีจากพรรคแกนนำรัฐบาล ยังไม่สามารถดำเนินนโยบายตามที่ได้ประกาศไว้ต่อพี่น้องประชาชน รวมถึงอีกหลายนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาได้อย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่เงินดิจิทัล ๑๐,๐๐๐ บาท การขึ้นค่าแรง การขึ้นเงินเดือนปริญญาตรี เป็นต้นพรรคไทยสร้างไทย จึงขอเป็นหนึ่งในพรรคฝ่ายค้าน ที่จะสนับสนุนญัตติ ขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา ๑๕๒ อย่างเต็มที่ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน ได้ตรงเป้าหมายที่สุด โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาหนี้สิน หรือการดูคนตัวเล็ก มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ และการสร้างอาชีพอย่างยั่งยืน “ในการอภิปรายเรามีหลายเรื่องที่จะเตือนสติรัฐบาล แต่หนึ่งในเรื่องสำคัญคือการชี้แนะรัฐบาลให้ทบทวนโครงการแจกเงินดิจิทัล ๑๐,๐๐๐ บาท เพราะจนถึงตอนนี้ยังตกลงไม่ได้ว่าจะดำเนินการแบบไหน อย่างไร อีกทั้งยังเสี่ยงขัดกฎหมาย เป็นภาระงบประมาณระยะยาว พรรคไทยสร้างไทย จะเรียกร้องผ่านการอภิปรายทั่วไป ให้เปลี่ยนจากการเงินหมื่น มาแจกเครดิตให้ประชาชนตั้งตัวได้ ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาส สร้างรายได้อย่างยั่งยืน”ในช่วงท้าย นายชัชวาล กล่าวเพิ่มเติมว่า การแจกเครดิตให้ประชาชน จะทำผ่านกองทุนเครดิตประชาชน หรือกองทุนคนตัวเล็ก ซึ่งเป็นการให้เบ็ด ไม่ใช่แจกปลา ให้ทุนในการทำมาหากิน ให้สินเชื่อตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ดอกเบี้ยเพียงร้อยละ ๑ ต่อเดือน หากรักษาเครดิตได้จะสามารถกู้ได้ถึงหลักแสนบาท เพื่อสร้างธุรกิจของตัวเอง ซึ่งต้นทุนของรัฐบาลอยู่ที่ประมาณ ๔% ดังนั้น รัฐบาลจะมีส่วนต่างในการบริหารจัดการความเสี่ยง ไม่ให้เสียวินัยการเงินการคลัง ไม่เป็นภาระหนี้สินของประเทศชาติ และเกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบ ทั้งยังสามารถแก้ปัญหาหนี้นอกระบบที่รัฐบาลอยากแก้ไขได้อีกด้วย.