ข่าวคราวการรบในยูเครนทุกวันนี้ เห็นได้ชัดว่ามีน้อยในพื้นที่สื่อ เนื่องจากเป็นการรบที่ยืดเยื้อและไม่มีผลลัพธ์ที่เด่นชัดจะว่าไปแล้วก็คล้ายๆกับสงครามโลกครั้งที่ ๑ ซึ่งเป็นการรบแบบอึดถึกทน ต่างกับการรุก กินดินแดนอย่างรวดเร็วเหมือนกับช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยเหตุผลสำคัญคือ สงครามยูเครน-รัสเซียเป็นการรบด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ที่ยังไม่มีเขียนไว้ในตำราทำสงคราม สิ่งที่คิดว่าน่าจะเวิร์กกลับใช้ไม่ได้จริงเมื่อถูกนำลงสู่สมรภูมิกลยุทธ์ขั้วตะวันตก การทำการรบแบบผสมผสานความร่วมมือระหว่างทัพบก-เรือ-อากาศ โดยเฉพาะการครองน่านฟ้าหย่อนระเบิด ที่เคยสร้างความสำเร็จในภูมิภาคตะวันออกกลาง ไม่สามารถเดินหน้าได้เต็มกำลัง เนื่องจากเจอฝ่ายตรงข้ามที่สมน้ำสมเนื้อ ขณะที่กลยุทธ์ขั้วตะวันออก การรุกคืบขนานใหญ่ด้วยยานเกราะและรถถัง เพื่อตีทะลวงแบบเจาะลึก ถูกล่วงรู้แบบเรียลไทม์ด้วยดาวเทียมตั้งแต่ก่อนจะเป่านกหวีด จนต้องระงับการบุกจึงเป็นที่มาว่า ทำไมการรบถึงล่วงเลยมา ๒ ปีเต็มเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และกำลังเข้าสู่ปีที่ ๓ อย่างไรก็ตาม เพลานี้มีความชัดเจนมากขึ้นว่า รัสเซียกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ เนื่องด้วยยูเครนกำลังขาดการสนับสนุนด้านกระสุนและอาวุธยุทโธปกรณ์จากชาติตะวันตก ยุโรปผลิตไม่ทัน อเมริกาติดปัญหาเรื่องการผ่านงบประมาณ นอกจากนี้ รัสเซียยังมีการปรับกลยุทธ์ให้เป็นมุ่งเน้นการทำลายล้างแทนการยึดดินแดน โดยใช้ตรรกะที่ว่า ยิ่งถูกทำลายไปเท่าไร ยูเครนก็ยากที่จะหามาทดแทนได้ทันกาลเป็นที่มาของการรุกแบบไม่เสี่ยง เห็นฝ่ายตรงข้ามอยู่ที่ไหน ก็ใช้อาวุธลูกยาวยิงถล่มให้ราบไปก่อน ไม่ต้องเอากำลังพลเข้าไปแลก ซึ่งหากเป็นข้อมูลจริงก็ถือว่าน่าตกใจ เพราะกระทรวงกลาโหมรัสเซียอ้างว่า นับตั้งแต่การตีโต้ของยูเครนในกลางปีที่แล้ว ยูเครนเสียกำลังพลไปแล้วกว่า ๔๐๐,๐๐๐ นายขณะที่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมารอบๆเมืองอับดีเยฟกา ใน จ.โดเนตสก์ ยูเครนก็เสียกำลังพลไปแล้วกว่า ๗,๓๐๐ นาย ส่วนทางผู้นำยูเครนโต้กลับว่าไม่จริง ตั้งแต่สงครามเริ่มต้น เสียทหารไปเพียง ๓๑,๐๐๐ นาย แต่กรณีถึงจะชั่งน้ำหนักทั้งสองฝ่ายแล้ววางตัวเลขให้กลางๆ ก็ถือว่าสูงอยู่ดี และคงจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ.ตุ๊ ปากเกร็ดคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม