วันอังคาร, 5 พฤศจิกายน 2567

ไอ้ทอย ผัวโหดฆ่าน้องนุ่น เปิดต้นตอพฤติกรรมเหี้ยม อย่ามาอ้างแค้นสะสม

21 ก.พ. 2024
53

คืนแห่งความสุขวันที่ ๑๗ ก.พ. ๒๕๖๗ น้องนุ่น หญิงสาววัย ๒๗ ปี เลี้ยงฉลองวันเกิดทอย ผู้เป็นสามี วัย ๓๓ ปี พร้อมกับกลุ่มเพื่อนๆ ในร้านอาหารย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา และยังโพสต์ข้อความอวยพรสามี “สุขสันต์วันเกิดนะที่รัก เป็นแฟนที่น่ารักของเขาแบบนี้ตลอดไปนะ ร่ำรวยๆ การงานราบรื่น สมหวังทุกปรารถนาน้าาา” ไม่มีวี่แววว่าจะเกิดโศกนาฏกรรม นำไปสู่การฆ่าทุบหัวน้องนุ่นอย่างโหดเหี้ยม แล้วเผาอำพรางคดีโดยน้ำมือของทอย สามีของเธอ ต่อหน้าลูกสาววัยขวบกว่าช่วงเกิดเหตุหลังฉลองวันเกิด ต่างคนต่างแยกย้ายกลับบ้านในเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. ของวันที่ ๑๘ ก.พ. แต่จู่ๆ น้องนุ่นได้หายตัวปริศนา และทอย สามีของน้องนุ่น อ้างว่าระหว่างขับรถกลับบ้านมีเรื่องทะเลาะ เป็นเหตุให้น้องนุ่นลงจากรถไปขึ้นแท็กซี่แล้วหายตัวไป ไม่สามารถติดต่อได้ และได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ จนเพื่อนๆ และครอบครัวเป็นห่วง โพสต์โซเชียลประกาศตามหา แต่ต้องพบกับข่าวร้าย เธอถูกสามีฆาตกรรม ยัดศพในกระเป๋าเดินทางนำไปเผาข้ามจังหวัดกลางสวนยางพารา ในพื้นที่ ต.หนองโพรง อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรีพฤติกรรมโหดของทอย จนแฮชแท็ก #ไอ้ทอย และ #น้องนุ่น ติดเทรนด์ฮิตบน X (ทวิตเตอร์) ผู้คนต่างออกมาประณาม เพราะตีเนียนทำเหมือนไม่ได้ลงมือฆ่าน้องนุ่น และแม่ของน้องนุ่นรู้สึกสงสัยจากคำบอกเล่าของทอย จนสุดท้ายทอยหรือไอ้ทอย ก็ถูกตำรวจจับโป๊ะจากพิรุธหลายอย่าง และหลักฐานจากกล้องวงจรปิดขณะลากตัวน้องนุ่นลงจากรถ แล้วทำร้ายร่างกายต่อหน้าลูกน้อย ก่อนใช้ก้อนหินทุบท้ายทอยจนน้องนุ่นเจ็บสาหัส และกระชากขึ้นรถกลับมาบ้าน ย่านเมืองทองธานี  คุมตัวไอ้ทอยทำแผนประกอบคำรับสารภาพฆ่าเมียตัวเองปิศาจร้ายอำมหิตสิงร่าง “ไอ้ทอย” ฆ่าเมียเอาศพไปเผาเหมือนปิศาจร้ายอำมหิตสิงร่าง “ไอ้ทอย” เมื่อมาถึงบ้าน กลับทำร้ายน้องนุ่นในสภาพไม่มีทางต่อสู้จนเสียชีวิต ก่อนขับรถไปพร้อมลูกน้อย นำศพน้องนุ่นยัดใส่กระเป๋าเดินทางในตอนเช้าวันที่ ๑๙ ก.พ. และแวะซื้อนำ้มัน ๒ แกลลอน นำศพไปเผาอำพรางคดี กระทั่งมีผู้พบศพถูกเผาบางส่วน มีเลสทองข้อมือคล้ายกับของน้องนุ่นที่ใส่ในงานวันเกิดอยู่ในกองเถ้า จนนำไปสู่การจับกุมไอ้ทอย ยอมเปิดปากรับสารภาพ เพราะจำนนต่อหลักฐาน อ้างว่าเมาเกิดการหึงหวง เพราะน้องนุ่นพูดถึงแฟนเก่า และแค้นสะสม ทำอะไรก็ผิดไปหมดไอ้ทอยเคยมีประวัติทำร้ายน้องนุ่นบ่อยครั้ง เป็นที่รู้ในกลุ่มเพื่อนสนิทของน้องนุ่น ทำให้ไอ้ทอยอาจมีพฤติกรรมที่เคยชินในการใช้ความรุนแรง จนก่อเหตุฆ่าเมียในที่สุด เมื่อทุกอย่างสายไปแล้ว ไอ้ทอยได้แต่เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมคำพูดสั้นๆ “ไม่กล้าสู้หน้าครอบครัว ไม่มีหน้าไปเจอลูก ฝากบอกกับลูกว่าพ่อตายไปแล้วก็ได้ ไม่ต้องให้เขาจำผมได้” รอยเลือดของน้องนุ่นถูกไอ้ทอยทำร้ายอย่างเหี้ยมโหดอย่ามองเรื่องผัวเมียไม่ควรยุ่ง ทำผู้ชายได้ใจทำร้ายผู้หญิงแต่จะเสียใจจากความรู้สึกลึกๆ จริงๆ คงไม่มีใครล่วงรู้ได้ และเมื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของไอ้ทอยในทางอาชญาวิทยา “ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ฐนันดร์ศักดิ์ บวรนันทกุล อดีตประธานคณะกรรมการบริหารหลักสูตรอาชญาวิทยา การบริหารงานยุติธรรมและสังคม (นานาชาติ) มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า เรื่องแรกเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัว เป็นเรื่องต่อเนื่องยาวนาน คนที่เคยทำโดยปกติจะไม่หาย เป็นเรื่องของวงจรอุบาทว์ จะกลับมาทำอีก เมื่อได้ลงมือทำร้ายไปแล้ว ก็จะเกิดขึ้นซ้ำอีก เมื่อมีการโต้เถียงระหว่างกัน“ยิ่งโดยเฉพาะผู้หญิง มีปฏิกิริยาไม่ยอมขึ้นมา ทำให้ผู้ชายเสียการควบคุมจนลงมือลงไม้ และเกิดจากปัจจัยคนนอกชอบมองเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องผัวเมียไม่ควรไปยุ่ง ย่ิงเป็นการสนับสนุนให้เกิดการก่อเหตุ หากเห็นเหตุการณ์ในครั้งต่อไป อย่ามองเป็นเรื่องครอบครัว ยิ่งผู้หญิงไม่ตอบโต้ ก็ยิ่งทำให้ผู้ชายได้ใจ หรือผู้หญิงรู้ว่าผู้ชายคนนี้ชอบทำร้ายร่างกาย ก็ไม่ควรเอา ควรไปจากชีวิต เพราะจะต้องโดนอีก”เคสผู้ชายทำร้ายผู้หญิงในสหรัฐฯ ก็เคยเกิดขึ้นบ่อยจากการศึกษาทั่วไป เป็นการอธิบายในแง่จิตวิทยาว่าผู้ชายเมื่อแต่งงานไปแล้ว ก็จะมีความรู้สึกความเป็นเจ้าของ พยายามอ้างสิทธิ์เหนือร่างกายผู้หญิง เหมือนของข้าใครอย่าแตะ มีความรู้สึกว่าการใช้ความรุนแรงเป็นการควบคุมผู้หญิง ยิ่งมีภรรยาสวยก็ยิ่งทำ แต่เมื่อวันหนึ่งรู้สึกสูญเสีย หรือมีอาการขี้หึง จะพัฒนาในแง่จิตวิทยารู้สึกในความเป็นเจ้าของ ก็จะกระทำกับผู้หญิง ปมสาเหตุผัวฆ่าเมีย เทียบเคสไอ้ทอย ทำไมโกรธแค้นหนักการศึกษากรณีสามีฆ่าภรรยาในสหรัฐฯ มีประมาณ ๖% มาจาก ๒ ส่วนด้วยกัน เมื่อผู้ชายรู้สึกว่าเมื่อใดก็ตามเริ่มสูญเสียอำนาจ หรือการควบคุม เช่น ตกงาน หรือแฟนไปปันใจให้คนอื่น หรือค่อยๆ ตีตัวออกหาก จากเคยเชื่อฟัง ก็ไม่เชื่อฟัง เมื่อเกิดขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้ผู้ชายพัฒนาเป็นความโกรธแค้น จากภรรยาเคยเชื่อฟังมาเป็นไม่ฟัง จนเกิดความรู้สึกตรงนี้ขึ้นมาจนก่อเหตุฆ่าผู้ชายบางคนอาจมีบุคลิกภาพที่หลงตัวเองว่าตัวเองก็แน่ และบุคลิกภาพจากการเลี้ยงดูในการใช้อำนาจ ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจผู้ชายเติบโตมากับการที่เห็นพ่อทำร้ายแม่ของตัวเอง แทนที่จะไม่กระทำในการทำร้ายผู้หญิงเมื่อโตขึ้นมา แต่กลับกลายมาเป็นเรียนรู้เพื่อให้ผู้หญิงเชื่อฟัง ก็ต้องลงมือทำร้าย จากที่รักแม่ปฏิญาณไว้จะไม่ทำร้ายผู้หญิง กลับไปใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงเหมือนพ่อเคยทำร้ายแม่มาก่อน และอีกอันเกิดจากปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง หรือกับแม่ หรือยาย หรือการมีแฟน ในแต่ละช่วงวัย จนก่อให้เกิดพฤติกรรมรุนแรง“เคสนี้ผู้ชายน่าจะมีปมแบบนี้ ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายกับหญิง หรือกับแม่ หรือยาย หรือแฟน และการทำร้ายฆ่าภรรยาตัวเอง น่าจะผ่านการไตร่ตรองมาก่อน ไม่ใช่บันดาลโทสะจากการถูกยั่วยุ มีการอ้างว่าน้องนุ่นชอบพูดถึงแฟนเก่า อาจจะเกิดความแค้น แต่จริงๆ แล้วคุมตัวเองได้ ไม่ให้กระทำ อาจมีความผิดปกติทางจิตก็น่าคิด เพราะคนเรามีลูกด้วยกัน หากพลั้งมือทำร้าย ก็คงส่งโรงพยาบาล แต่กลับไปทำร้ายต่อที่บ้าน แล้วอำพรางศพ” จุดเผาศพน้องนุ่นจากฝีมือไอ้ทวย ขับรถข้ามจังหวัดมาปราจีนบุรีอยู่กันมาจนมีลูก ทำไมโหดร้ายมากฆ่าเมีย ต้องประหารเมื่อดูพฤติกรรมอาจมีความผิดปกติทางจิตหรือไม่ อีกทั้งแรงผู้ชายเหนือกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว ไม่ควรกระทำรุนแรง แค่ลงมือหนักขนาดนั้น ก็น่าจะพอแล้ว และจากพฤติกรรมก่อเหตุในกล้องวงจรปิด แล้วมีการรับสารภาพก็จำนนต่อหลักฐาน คิดว่าน่าจะโดนประหารไปเลย เพราะโหดขนาดนี้ หากถูกจำคุกตลอดชีวิต ก็จะมีการลดโทษภายหลัง กลายเป็นติดคุกไปกี่ปี ก็ออกมาอีก ส่วนลูกสาววัยขวบกว่า ยังเด็กมาก อาจจำเหตุการณ์ไม่ได้ แต่ไม่เข้าใจว่ามีลูกด้วยกัน ทำไมทำถึงขนาดนี้  จากหน้าตาและรูปร่างของฆาตกรฆ่าเมียตามหลักทฤษฎีอาชญาวิทยา พบว่าพวกตัวเตี้ยจะรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าคนรูปร่างสูง ก็จะแสดงอำนาจ เช่น ไปฝึกยิงปืน และเล่นกีฬาให้เก่งกว่า ยิ่งเด็กที่โตมาไม่ได้ถูกพัฒนาในเรื่องถูกผิด เมื่อถูกทำให้ผิดใจก็จะทำร้ายผู้หญิง อย่างเหตุการณ์นี้เป็นพฤติกรรมที่รุนแรงโหดร้ายมาก จนคนในสังคมรับไม่ได้ แค่ลงไม้ลงมือหนักจนผู้หญิงแทบคอหักอยู่แล้ว และยังนำศพไปเผาถือว่าโหดมาก.