“ปวีณา” ช่วย ๒ สาวพ้นขุมนรกค้ากามเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมาหลังเหยื่อไปเที่ยวชายแดนแม่สอด จ.ตาก เจอนายทุนจีน ออกอุบายรู้จักเจ้าของสถานบันเทิงฝั่งเพื่อนบ้าน ชักชวนไปทำงานพีอาร์ อ้างรายได้งามล่อใจเดือนละ ๓-๔ หมื่นบาท รวมทิปตก ๑-๒ แสนบาท ผู้เสียหายหลงเชื่อไปทำงาน ช่วง ๑๐ วันแรกได้เงินถึง ๓-๔ หมื่น เห็นเงินดีชวนเพื่อนสนิทตามไปทำอีกคน สุดท้ายโดนทำร้ายบังคับเซ็นกู้เงินและขู่ให้ค้าประเวณี ทนไม่ไหวติดต่อเพจมูลนิธิปวีณาฯประสานหน่วยความมั่นคงช่วยออกมาได้มูลนิธิปวีณาฯช่วย ๒ สาวพ้นขุมนรกค้ากามสถานบันเทิงฝั่งเมียนมา เปิดเผยเมื่อเวลา ๑๔.๐๐ น.วันที่ ๑๗ ก.พ. ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิฯให้ความช่วยเหลือ น.ส.เอ กับน.ส.บี (นามสมมติ) อายุ ๒๘ ปีเท่ากัน หลังถูกนายทุนจีน หลอกไปทำงานเป็นพีอาร์สถานบันบันเทิง เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ก่อนถูกทำร้ายบังคับให้เสพยาและค้าประเวณี กระทั่งผู้เสียหายร้องทุกข์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิปวีณาฯประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยเหลือกลับมาได้น.ส.เอ ๑ ในเหยื่อค้ากาม เล่าเหตุการณ์ว่า เป็นคนภาคอีสาน เคยทำงานเป็นเซลส์ขายรถยนต์อยู่ที่กรุงเทพฯ ช่วงเดือน พฤศจิกายน๖๖ ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนที่ชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก และพบกับนายทุนชาวจีนคนหนึ่งบอกว่าเปิดสถานบันเทิงอยู่ที่ จ.ตาก อ้างว่ามีพรรคพวกที่เปิดสถานบันเทิงอยู่ในฝั่งเมียวดี ก่อนชักชวนให้ไปทำงานพีอาร์ บอกว่ามีรายได้ดีเดือนละ ๓-๔ หมื่นบาท หากรวมค่าทิปแขกจะได้เดือนละ ๑-๒ แสนบาท จากนั้นมีการติดต่อกันเรื่อยมา กระทั่งปลายเดือน ธันวาคม๖๖ ตัดสินใจลาออกจากงาน และเดินทางไปทำงานที่เมียวดี นายทุนจีนบอกให้นั่งรถไปลง บขส.แม่สอด ก่อนให้คนมารับ เดินทางโดยรถยนต์อีก ๓ ทอด จากนั้นนั่งเรือข้ามฟากไปฝั่งเมียนมาเมื่อไปถึงที่ร้านมีหญิงชาวจีนพาไปทำงานเป็นพีอาร์คอยเอนเตอร์เทนลูกค้า แต่ไม่เคยเจอหน้านายทุนชาวจีนที่แนะนำให้มาทำงาน ตอนแรกไม่มีการบังคับค้าประเวณี ช่วง ๑๐ วันแรก ได้เงินถึง ๓-๔ หมื่นบาท เห็นว่ารายได้ดีจึงชักชวน น.ส.บี เพื่อนสนิทมาทำงานด้วย กระทั่งวันที่ ๑๐ มกราคมที่ผ่านมา น.ส.บีเดินทางไปถึง ก่อนถูกหญิงสาวจีนบังคับให้ตนกับ น.ส.บี ค้าประเวณี พอไม่ยอมก็ถูกขายต่อไปร้านที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๓ ม.ค. จากนั้นถูกชายชาวจีนบอกให้เซ็นสัญญาเป็นหนี้รวมกันถึง ๒๖๐,๐๐๐ บาท และบังคับให้ค้าประเวณีใช้หนี้ หากไม่ทำขู่จะทำร้าย“ด้วยความกลัวจำต้องยอมทำ แต่ทำไปก็ไม่เคยได้เงินและยอดหนี้ก็ไม่ลด ต้องทนทุกข์ทรมาน หนำซ้ำยังจะถูกขายต่อไปร้านที่ ๓ ทำให้ทนไม่ไหว ขอความช่วยเหลือไปยังเพจมูลนิธิปวีณาฯ เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากนั้นพยายามถ่วงเวลาอ้างว่าติดต่อให้ญาตินำเงินมาไถ่ตัว ก่อนติดต่อแจ้งรายละเอียดพิกัดให้กับทางมูลนิธิฯประสานเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือกลับฝั่งไทยเมื่อคืนวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้พ้นขุมนรกออกมาได้” น.ส.เอ กล่าวด้านนางปวีณากล่าวว่า หลังจากรับแจ้งขอความช่วยเหลือจากผู้เสียหายทั้ง ๒ คน ได้ประสานไปยังหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ จ.ตาก เพื่อหาทางช่วยเหลือ น.ส.เอ และน.ส.บี ทันที การช่วยเหลือ ไม่ใช่เรื่องง่าย ตนได้เดินทางไปประสานงานกับ กองกำลังนเรศวร รับผิดชอบในการรักษาความสงบเรียบร้อยและป้องกันอธิปไตยในพื้นที่ชายแดน ไทย-เมียนมา ด้าน จ.ตาก และ จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อขอรับทราบสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน และหารือแนวทางในการช่วยเหลือ หลังจากนี้ให้ผู้เสียหายทั้ง ๒ คนอยู่ในความดูแลของมูลนิธิฯไปก่อน พร้อมทั้งแจ้งตำรวจปคม.เพื่อสอบขยายผลถึงเครือข่ายค้ามนุษย์“มูลนิธิปวีณาฯขอชื่นชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนและพร้อมจะร่วมมือกับทุกหน่วยงานช่วยกันป้องกันไม่ให้คนไทยถูกล่อลวงไปทำงานผิดกฎหมายในลักษณะดังกล่าวอีกและอยากฝากเตือนสาวไทยที่คิดอยากจะไปทำงานสบายรายได้ดี ให้พึงระวัง อย่าไปหลงเชื่อใครง่ายๆ เพราะงานสบายรายได้ดีไม่มีจริง อย่าหลงเชื่อ ใครที่คิดจะข้ามชายแดนไปทำงาน ไม่ว่าจะเป็นด้านตรงข้าม จ.ตาก จ.เชียงราย หรือ จ.เชียงใหม่ อาจถูกหลอก ก่อนบังคับให้เซ็นกู้เงิน สุดท้ายถูกทำร้ายให้ทำงานค้าประเวณีใช้หนี้ เงินก็ไม่ได้ เหมือนตกนรกทั้งเป็น” ประธานมูลนิธิปวีณาฯกล่าวอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง