“รองโจ๊ก” แจงยิบ กรณีสื่อเยอรมนีแฉผู้ต้องหาจ่ายส่วยให้กระบวนการยุติธรรมไทย ๑ ล้านบาท ปล่อยหลบหนีออกนอกประเทศ สอบนายตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ๓ คนยันไม่ได้รับส่วย แต่ไม่ได้อายัดตัวส่ง ตม.หลังได้ประกันตัว เพราะไม่รู้ระเบียบในส่วนนี้ ถูกตั้งกรรมการสอบวินัยแล้ว ส่วนส่วย ๑ ล้านบาทที่ถูกกล่าวหา สอบทนายผู้ต้องหาแจงว่า รับเงินจากผู้ต้องหา ๑ ล้านบาทจริง แต่ใช้เป็นค่าประกันชั้นศาล ๒ แสนบาท อีก ๕ แสนบาทใช้ค้ำประกันศาลระหว่างขอเดินทางกลับบ้านเกิด ที่เหลืออีก ๓ แสนบาทเป็นค่าดำเนินการด้านกฎหมาย ประสานตำรวจเยอรมันสอบผู้ต้องหาว่า มีเงินส่วนอื่นอีกหรือไม่ ส่วนการติดตามตัวผู้ต้องหากลับมาดำเนินคดี ประสานทางการเยอรมนีและสหรัฐอเมริกา นำตัวผู้ต้องหาคดีเดียวกันทั้ง ๒ คนกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมกรณีสื่อประเทศเยอรมนีเผยแพร่สกู๊ปข่าวคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กในประเทศไทย มีผู้ต้องหาสัญชาติเยอรมนีถูกจับกุมข้อหาซื้อบริการเด็กสาวอายุไม่เกิน ๑๕ ปีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของไทย แต่ได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างถูกดำเนินคดี และ สามารถเดินทางออกจากประเทศไทยได้ด้วยการติด สินบนเป็นเงิน ๑ ล้านบาท หลังเป็นข่าวฉาว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการค้ามนุษย์ เข้าตรวจสอบที่มาที่ไป ของเรื่องราวที่เกิดขึ้น เนื่องจากสร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมากความคืบหน้าจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ถนนอู่ทองนอก แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กทม. เมื่อเวลา ๐๙.๓๐ น. วันที่ ๖ ธ.ค. พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แถลงความคืบหน้าการตรวจสอบ ว่า จากคดีที่เกิดขึ้นตำรวจดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้งหมด ๔ คน เป็นผู้หญิงไทย ๑ คน และสามี ชาวอังกฤษอีก ๑ คน ทั้งคู่ถูกดำเนินคดีฐานค้ามนุษย์ เนื่องจากมีข้อมูลว่า เป็นเจ้าของร้านที่ให้บริการค้า ประเวณีเด็กอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี จากข้อมูลการสอบสวนสามารถขยายผลทราบ ว่า มีชายชาวเยอรมันและชาว สหรัฐอเมริกาซื้อบริการเด็กอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทุกคนและทำสำนวนได้สมบูรณ์ ก่อนส่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้อง“ต่อมาศาลให้ประกันตัวโดยพนักงานสอบสวน ไม่ได้คัดค้านการประกัน และไม่ได้แจ้งให้กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ ไม่ได้ส่งตัวผู้ต้องหาให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อเพิกถอนวีซ่าและกักตัว ถือว่าเป็นความบกพร่องของ ตำรวจ จะมี ผกก.สภ.เมืองพัทยา รับผิดชอบคดี หัวหน้า พนักงานสอบสวน และพนักงานสอบสวนต้องเข้ามา รับผิดชอบในส่วนนี้ เบื้องต้นตำรวจทั้ง ๓ นายปฏิเสธการเรียกรับสินบน อ้างว่าไม่เข้าใจถึงระเบียบการดำเนินการในส่วนนี้ จึงไม่ได้ทำตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัย” รอง ผบ.ตำรวจกล่าวพล.ต.อ.สุรเชษฐ์แถลงต่อว่า ส่วนประเด็นให้สัมภาษณ์ของผู้ต้องหาชาวเยอรมันว่า จ่ายเงิน ๑ ล้านบาทให้กับตำรวจ ส่วนนี้ต้องถูกตรวจสอบด้วยว่า จ่ายให้จริงหรือไม่ เมื่อสอบถามทนายความของผู้ต้องหาชาวเยอรมันให้การว่า ได้รับเงินจากผู้ต้องหาชาวเยอรมันจริงจำนวน ๑ ล้านบาท แต่ใช้ประกันตัว ในชั้นศาล ๒๐๐,๐๐๐ บาท และเสนอเงินค้ำประกันตัว ๕๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อขอออกนอกประเทศ อ้างว่าจะไป ทำธุระเรื่องธุรกิจ ส่วนที่เหลืออีก ๓๐๐,๐๐๐ บาท ทนายให้การว่า เป็นค่าดำเนินการด้านกฎหมาย แต่ทางตำรวจยังต้องตรวจสอบว่า มีเงินส่วนอื่นจ่ายให้กับตำรวจเพิ่มเติมหรือไม่ หากพบว่ามีการเรียกรับสินบนต้องดำเนินคดีอาญาต่อไป“ส่วนกรณีประเทศเยอรมนีไม่มีสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนเป็นเรื่องหนึ่ง ผมประสานกับทางเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย เพื่อนัด พูดคุยถึงแนวทางการช่วยเหลือทางคดีในวันศุกร์ที่ ๘ ธันวาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะขอความร่วมมือให้ทางตำรวจเยอรมัน ช่วยสอบปากคำผู้ต้องหา ถึงปมเรียกรับสินบนให้ทราบข้อเท็จจริง และจะปรึกษา ถึงแนวทางการรับตัวผู้ต้องหากลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยด้วย” รอง ผบ.ตำรวจกล่าวพล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวด้วยว่า ส่วนชายชาว อเมริกาอีกคนที่ถูกดำเนินคดี จากข้อมูลทราบว่า ขณะนี้ เดินทางหนีออกนอกประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติไปแล้ว เรื่องนี้ทางประเทศสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ เตรียมประสานกับสถานทูตอเมริกาพูดคุยปรึกษาทางคดีเพิ่มเติมด้วย พร้อมประสานกองการต่างประเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติออกหมายแดง หรือ red notis ติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง ๒ คน กลับมาดำเนินคดี ในประเทศไทยไว้ก่อน ส่วนชายชาวอังกฤษที่ถูกดำเนินคดีข้อหาค้ามนุษย์ยืนยันว่า ยังอยู่ในประเทศไทย สั่งให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ๒ เรียกตัวผู้ต้องหา ชาวอังกฤษเข้ามากักขังที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตามระเบียบอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่
