ทนายพา “หลานอากู๋” นำโฉนดทวงคืนบ้าน-พร้อมแจ้งจับผู้บุกรุก อ้างเป็นที่ “ปรปักษ์” ยึดบ้านรอบ ๒ ยืนยันหลักฐานชัด คู่กรณีครอบครองบ้านไม่ถึง ๑๐ ปี พร้อมเก็บหลักฐานภายในบ้าน-แจ้งเอาผิดฐานลักทรัพย์จากกรณีมีคดีเพื่อนบ้านบุกยึดบ้านร้างของอากู๋ เจ้าของบ้านซื้อทิ้งไว้ ก่อนจะมอบให้หลานที่กำลังจะแต่งงาน โดยเพื่อนบ้านอ้างว่า ใช้สิทธิ์ครอบครองปรปักษ์ เข้ามาต่อเติมทำออฟฟิศเป็นข่าวดังเมื่อปลายปีก่อน แม้คดีนี้ศาลยังไม่ตัดสิน แต่กลับพบว่าเพื่อนบ้านกลับไปบุกยึดบ้านรอบ ๒ ต่อมา ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ รับว่าความให้เจ้าของบ้าน ออกมาวิจารณ์ว่า อีกฝ่ายสุดใจกล้าที่ทำผิดกฎหมายรอบ ๒ ทั้งที่รู้แก่ใจ พร้อมยืนยันว่ามีหลักฐานชัดเจนว่า เพื่อนบ้านครอบครองไม่ถึง ๑๐ ปีเมื่อเวลา ๑๑.๐๐ น. วันที่ ๑๓ ก.พ. ๖๗ น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ หรือ ทนายกุ้ง ทีมทนายความของ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ นายภคิน ทิมกุล หรือ ซัน อายุ ๒๗ ปี พร้อม พ.ต.ท.เดชาวัสส์ ขันกสิกรรม รอง ผกก. (สอบสวน) สถานีตำรวจนครบาลโคกคราม และ ร.ต.ท.ภาคีน พรมฟู รอง สว.(สอบสวน) เดินทางไปที่บ้านทาวน์เฮาส์ ๒ ชั้น เลขที่ ๖๒ หมู่บ้าน Fine Home ๓ ซอยรามอินทรา ๕๘ แยก ๖ แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กทม.โดย นายภคิน นำโฉนดบ้านตัวจริงเข้าไปยืนยันการเป็นเจ้าของตัวจริง นำช่างกุญแจมาตัดกุญแจเพื่อเปิดประตูไปปลดป้ายไวนิลขาย “ไก่ตะเกียบแช่น้ำปลา” ที่คู่กรณีนำมาปิดไว้ออกจากบริเวณหน้าบ้าน เพื่อเข้าไปตรวจสอบและสำรวจภายในบ้าน หลังเกิดข้อพิพาทระหว่างอากู๋ เจ้าของบ้านตัวจริงกับเพื่อนบ้าน และคู่กรณีที่ลักลอบเข้ามายึดบ้าน และอ้างกรรมสิทธิ์เป็นของตนเอง ก่อนจะย้ายออกไปเมื่อปลายปีที่แล้ว และลอบกลับเข้ามาอ้างสิทธิ์การครอบครองปรปักษ์ พร้อมเปิดร้านขายไก่ทอดเมื่อสัปดาห์ก่อนโดยตำรวจได้เข้าตรวจสอบสภาพภายในบ้าน และตรวจสอบกล้องวงจรปิดว่ามีบุคคลใดเข้ามาบุกรุกหรือไม่ และตรวจสอบมิเตอร์น้ำและไฟฟ้า ก่อนที่เจ้าของบ้านจะนำป้ายไวนิลมาแขวน มีข้อความระบุว่า ห้ามผู้ใดบุกรุก หากฝ่าฝืนจะดำเนินคดีตามกฎหมายโดย น.ส.อำนวยพร กล่าวว่า วันนี้เจ้าของบ้านตัวจริงต้องการแสดงกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ จึงลงบันทึกประจำวันไว้ ที่ สถานีตำรวจนครบาลโคกคราม ว่า ก่อนหน้านี้ได้มาแจ้งความดำเนินคดีกับ นางศรีพรรณ ไม่ทราบนามสกุล คู่กรณีในข้อหา “ลักทรัพย์” เป็นลูกกุญแจที่นำมาเปลี่ยนที่รั้วบ้านใหม่ เมื่อวันที่ ๘ ก.พ. ที่ผ่านมา และวันนี้ได้นำโฉนดฉบับจริงมาแสดง ก่อนประสานตำรวจเข้ายึดป้ายร้านขายไก่ทอด ป้ายห้ามผู้อื่นบุกรุก และอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน เพื่อนำไปเป็นของกลางทางคดีสำหรับคดีก่อนหน้านี้ ได้แจ้งความบุคคลไว้ ๕ ราย ในข้อหา “บุกรุกเคหสถาน และทำให้เสียทรัพย์” โดยตำรวจได้ส่งสำนวนให้อัยการแล้ว ขณะเดียวกันทราบว่าทนายความฝ่ายคู่กรณีเอง ก็พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันมานาน โดยได้พบกันเมื่อครั้งที่ไปยื่นคัดค้านการครอบครองปรปักษ์ที่ศาล แต่ไม่ได้พูดคุยกันน.ส.อำนวยพร กล่าวอีกว่า จากนี้หากพบว่ามีบุคคลใดบุกรุกเข้ามาอีก จะสามารถเอาผิดได้ทันที ซึ่งย้อนไปเมื่อวันที่ ๑๗ ก.ย. ๒๕๖๖ มีการส่งมอบบ้านคืนให้เจ้าของตัวจริงไปแล้ว เมื่อมาตรวจสอบภายในบ้านก็ไม่พบสิ่งของใด แต่ปรากฏว่าวันนี้พบที่นอน เก้าอี้โซฟา และหม้อหุงข้าว ที่นำมาใช้สร้างหลักฐานแอบอ้างว่าเป็นการพักอาศัยอยู่ ซึ่งการครอบครองปรปักษ์นั้น ต้องมีหลักฐานและเจตนาการเข้าพักอาศัยอย่างต่อเนื่องตลอด ๑๐ ปี จึงมั่นใจหลักฐานของฝ่ายเจ้าของตัวจริง ได้แก่ แผนที่บ้านที่นำเสนอผ่านสื่อต่างๆ และหลักฐานสำคัญที่แสดงการเป็นเจ้าของบ้านด้าน นายซัน กล่าวว่า หลังจากให้ปากคำกับตำรวจเสร็จสิ้นแล้วจะเข้ามาอยู่ทันที เพราะเตรียมชุดนอนมาแล้ว แต่ยอมรับว่ากังวลพอสมควร เพราะต้องเข้ามาอยู่ในดงคู่ขัดแย้ง และหากชนะคดีก็มีโอกาสจะขายบ้านหลังนี้อยู่สูง แต่ยืนยันว่าไม่ขายให้คู่กรณีแน่นอน นอกจากนี้ยังต้องการให้ตรวจสอบบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ที่น่าจะมีความสัมพันธ์กับคู่กรณี เนื่องจากได้ติดตั้งน้ำและไฟฟ้าเข้ามาในบ้านด้วย
หลานอากู๋ บุกทวงบ้าน ยันไม่ใช่ที่ปรปักษ์ มั่นใจหลักฐาน-แจ้ง ตำรวจเอาผิด
เรื่องที่เกี่ยวข้อง