วันพฤหัสบดี, 7 พฤศจิกายน 2567

เก๋งเมาแหกด่าน ชนตำรวจจราจรดับสลด อ้างมองไม่เห็นยินดีชดใช้หมด

17 ก.พ. 2024
55

หนุ่มเมาขับเก๋งซิ่งแหกด่านตำรวจจราจรกลางบนถนนพระราม ๔ พุ่งชน “จ่าตำรวจ” ขณะตรวจวัดแอลกอฮอล์รถอีกคัน อัดร่างกับประตูรถอย่างจังเจ็บสาหัส เพื่อนตำรวจรีบส่งรักษาตัว รพ.ตำรวจ แต่ยื้อไม่ไหวเสียชีวิต ส่วนหนุ่มตีนผีอยู่ในสภาพเมาแอ๋พูดจาแทบไม่รู้เรื่อง ตรวจวัดแอลกอฮอล์ได้สูงถึง ๑๘๗ มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หลังสร่างสำนึกผิดรับไปดื่มกับเพื่อนมาจริง อ้างมองไม่เห็นด่านตำรวจ ยอมชดใช้ครอบครัวเหยื่อทุกอย่าง พนักงานสอบสวนดำเนินคดีข้อหาฉกรรจ์ทั้งเมาขับ และทำร้ายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่จนเสียชีวิต ส่งฝากขังศาลพร้อมค้านประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วให้ปล่อยตัวชั่วคราววงเงิน ๑ แสนบาทหนุ่มเมาขับรถแหกด่านชนจ่าตำรวจจราจรกลางดับสยองรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา ๐๔.๒๐ น. วันที่ ๑๗ ก.พ. ขณะที่ พ.ต.ท.กิตติภพ เจริญภักดีวงศา สว.ปฏิบัติราชการงานตรวจพิสูจน์ผู้ขับขี่ กก.๕ บก.จร. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๕ บก.จร.นำกำลังตั้ง จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ เพื่อควบคุมวินัยจราจรช่วงคืนวันหยุด บริเวณหน้าปากซอยปลูกจิต ถนนพระราม ๔ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ท้องที่ สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ ตั้งแต่เวลาก่อนเที่ยงคืนวันที่ ๙ ก.พ. จนถึงช่วงเช้ามืดวันที่ ๑๐ ก.พ. ใกล้เวลาจะเลิกด่านแล้วขณะนั้น จ.ส.ต.ณัฐพงษ์ แก่นนาคำ อายุ ๓๓ ปี ผบ.หมู่งานตรวจพิสูจน์ผู้ขับขี่ กก.๕ บก.จร. เรียกตรวจวัดแอลกอฮอล์นายชัยยา สารสุข ผู้ขับขี่รถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีขาว ทะเบียน ฒฐ ๓๑๖๕ กรุงเทพมหานคร ที่ขับเข้ามาในด่าน แจ้งให้จอดรถชิดขอบทางด้านซ้ายสุด บริเวณริมถนนพระราม ๔ เปิดประตูด้านคนขับคาไว้ขณะที่ผู้ขับขี่ยังนั่งอยู่ภายในรถ ส่วน จ.ส.ต.ณัฐพงษ์เดินไปยื่นเครื่องมือตรวจวัดแอลกอฮอล์ให้นายชัยยาเป่าตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ทันใดนั้นมีรถยนต์เชฟโรเลต แคปติว่า สีขาว ทะเบียน กบ ๙๖๑ ภูเก็ต ขับเข้าด่านมาช่องทางกลางด้วยความเร็วสูง ทั้งที่บริเวณด่านมีไฟสัญญาณและป้ายระบุการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจราจรกลางอย่างชัดเจน ขณะที่ตำรวจภายในด่านพยายามส่งสัญญาณมือให้รถคันดังกล่าวจอด แต่คนขับกลับเร่งเครื่องเหมือนต้องการฝ่าจุดตรวจไป จนรถเสียหลักพุ่งชนด้านขวารถกระบะโตโยต้า วีโก้ ครูดไปชนร่าง จ.ส.ต.ณัฐพงษ์อัดกับประตูรถกระบะจนร่างทรุดลงไปกองกับพื้น ประตูรถกระบะถึงกับหักพับไปด้านหน้ารถคันดังกล่าวยังพยายามขับต่อไปเพื่อหลบหนีถูกชุดตำรวจ บก.จร.ในที่เกิดเหตุขี่รถ จยย.ติดตามไปอย่างรวดเร็ว สามารถสกัดรถไว้ได้ห่างจากจุดตั้งด่านเพียง ๑๕๐ เมตร ขณะที่ตำรวจจราจรกลางอีกส่วนรีบเข้าไปปฐมพยายามเบื้องต้น จ.ส.ต.ณัฐพงษ์ คาดว่ากระดูกหักหลายแห่ง แล้วรีบนำตัวส่งรักษาอย่างเร่งด่วนที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่ยื้อชีวิตไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมาสอบสวนเบื้องต้นตีนผีรายนี้คือ นายคุณากร หัสกรรจ์ อายุ ๓๑ ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ทำงานอยู่องค์การยูนิเซฟ (unicef) ประเทศไทย ฝ่ายวางแผนการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) อยู่ในสภาพเมาแอ๋กลิ่นเหล้าหึ่ง ให้การไม่รู้เรื่อง เป่าวัดค่าแอลกอฮอล์เบื้องต้นผลปรากฏว่าสูงถึง ๑๘๗ มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นคุมตัวส่ง ร.ต.ท.สุภาพชน สุขภูมิพงศ์ รอง สว. (สอบสวน) สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ ดำเนินคดีข้อหาขับรถขณะเมาสุรา เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายถึงชีวิต ข้อหาขับรถก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลและทรัพย์สินโดยไม่ได้หยุดรถให้ความช่วยเหลือ หรือแสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และข้อหาทำร้ายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ บัณฑิต ผบก.จร. กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว จ.ส.ต.ณัฐพงษ์ด้วย เบื้องต้นต้นสังกัดจะดูแลเรื่องเงินชดเชยตามสิทธิ์ คาดว่าจะได้รวมกันกว่า ๑ ล้านบาท เพราะเป็นการเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ จากการสอบถามหัวหน้าชุดตั้งจุดตรวจทราบว่าเริ่มตั้งจุดตรวจตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ ๒๓.๐๐ น. ถึงเวลา ๐๔.๓๐ น. ช่วงเกิดเหตุเวลาประมาณ ๐๔.๒๐ น. ใกล้จะเก็บด่านแล้ว“ส่วนการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า ไปดื่มกินกับเพื่อนที่ผับย่านหลังสวนลุมพินี กำลังจะขับรถไปขึ้นทางด่วนกลับบ้านใน อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เมื่อมาถึงด่านตรวจมองไม่เห็นตำรวจโบกให้หยุด ไม่เห็นตำรวจที่เสียชีวิตจึงเกิดเรื่องดังกล่าว ยอมรับว่าเมาจริง และยินดีจะชดใช้ค่าสินไหมให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ ดำเนินคดี” ผบก.จร.กล่าวพล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวด้วยว่า ช่วงสายพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ นำตัวผู้ต้องหาส่งฝากขังศาลอาญากรุงเทพใต้เรียบร้อยแล้วและคัดค้านการประกันตัว อยากฝากถึงนักเที่ยวราตรี หากรู้ตัวว่าต้องไปดื่มให้นั่งรถแท็กซี่ไป เวลากลับบ้านจะได้ไม่เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน และไม่ไปทำร้ายคนในครอบครัวคนอื่นมีรายงานว่า ต่อมาศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาวงเงิน ๑ แสนบาท เนื่องจากให้การรับสารภาพอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่