วันพฤหัสบดี, 7 พฤศจิกายน 2567

๒ กมธ. ชี้ ตำรวจทรมาน “ลุงเปี๊ยก” ผิด พระราชบัญญัติอุ้มหาย เล็งหารือบทลงโทษคดีเด็ก

19 ม.ค. 2024
61

“ชัยชนะ” ประธาน กมธ.ตำรวจ ชี้ ๒ ตำรวจทรมาน “ลุงเปี๊ยก” รับผิดคดี “ป้าบัวผัน” ถือว่าผิด พระราชบัญญัติอุ้มหาย-ซ้อมทรมาน ด้าน “ณัฐชา” ประธาน กมธ.การสวัสดิการสังคม เผย เล็งเชิญหน่วยงานหารือบทลงโทษคดีเด็กและเยาวชนวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๗ นายชัยชนะ เดชเดโช ประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกันแถลงข่าวที่อาคารรัฐสภา ว่า กมธ.ตำรวจ และ กมธ.การสวัสดิการสังคม จะหารือร่วมกันในประเด็นกระบวนการพิจารณาคดีของตำรวจในการแสวงหาข้อเท็จจริงให้เป็นไปในทางที่จะเกิดความยุติธรรมต่อประชาชน สืบเนื่องจากทั้ง ๒ คณะ กมธ. ได้ติดตามกรณีการเสียชีวิตของ นางสาวบัวผัน ตันสุ หรือ ป้ากบ อายุ ๔๗ ปี หญิงสติไม่ดีใน จ.สระแก้ว โดยเบื้องต้นตำรวจได้ออกหมายจับ นายปัญญา คงแสนคำ หรือ ลุงเปี๊ยก ผู้เป็นสามี ว่าเป็นผู้ต้องหา หลังจากมีการสืบสวนใหม่พบว่า ป้าบัวผัน ถูกกลุ่มวัยรุ่น ๕ คน ทำร้ายจนเสียชีวิต โดยหนึ่งในจำนวนนั้นมีลูกของตำรวจสืบสวน สภ.อรัญประเทศ อีกทั้งมีการจับกุมและกระทำการทรมานลุงเปี๊ยก เพื่อให้รับสารภาพจากตำรวจ สภ.อรัญประเทศ ๒ นาย ทั้งนี้ หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรผ่านพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. ๒๕๖๕ แล้ว การกระทำของตำรวจทั้ง ๒ นาย ถือว่ามีความผิดตามมาตรา ๕ ของ พ.ร.บ. ที่ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นเกิดความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานอย่างร้ายแรงแก่ร่างกายหรือจิตใจเพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ ๑. ให้ได้มาซึ่งข้อมูลหรือคำรับสารภาพจากผู้ถูกกระทำหรือบุคคลที่สาม ๒. ลงโทษผู้ถูกกระทำเพราะเหตุอันเกิดจากการกระทำหรือสงสัยว่ากระทำของผู้นั้นหรือบุคคลที่สาม ๓. ข่มขู่หรือขู่เข็ญผู้ถูกกระทำหรือบุคคลที่สาม ๔. เลือกปฏิบัติไม่ว่ารูปแบบใด ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกระทำทรมาน มีโทษจำคุก ๕-๑๕ ปี โทษปรับ ๑๐๐,๐๐๐-๓๐๐,๐๐๐ บาท ขณะนี้ทางผู้บังคับบัญชาได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายตำรวจทั้ง ๒ นายแล้ว และมีคำสั่งให้ดำเนินคดีกับเยาวชนทั้ง ๕ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เร่งรัดดำเนินการติดตามคดีดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนมากมีสาเหตุจากสารเสพติด จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาดtt ttทางด้าน นายณัฐชา กล่าวเสริมว่า กมธ.การสวัสดิการสังคม ได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับข้อกฎหมายในการคุ้มครอง และบทลงโทษในคดีเด็ก เยาวชน จำนวนมาก ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๓-๗๕ เด็กที่มีอายุไม่เกิน ๑๒ ปี ไม่ต้องรับโทษ แต่ให้ผู้พิพากษาสั่งการอย่างใดอย่างหนึ่งได้ตาม (๑) (๒) (๓) ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ต้องส่งไปสถานพินิจแต่อยู่ได้ไม่เกินอายุ ๑๘ ปี สังคมอาจมองว่าไม่สมควรแก่เหตุ ทาง กมธ. จึงเตรียมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมหารือกัน เพื่อให้โอกาสกับเด็กที่หลงผิดหรือพลาดพลั้งไป อย่างไรก็ตาม กมธ.ทั้ง ๒ คณะ จะมีการหารือร่วมกันประเด็นกระบวนการพิจารณาคดีของตำรวจในการแสวงหาข้อเท็จจริงให้เป็นไปในทางที่จะเกิดความยุติธรรมต่อประชาชน สำหรับปัญหาคนเร่ร่อนหรือคนไร้ที่พึ่งนั้น กมธ. จะเชิญมูลนิธิอิสรชน  มูลนิธิกระจกเงา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมหารือเรื่องการดูแลบุคคลดังกล่าวต่อไป