วันพุธ, 6 พฤศจิกายน 2567

“จักรพงษ์” เผย เมษายนนี้ เตรียมลงนาม MOU ๓ ฉบับ หนุนการค้าและท่องเที่ยว ไทย-คาซัคสถาน

รัฐมนตรีช่วยว่าการกต.มั่นใจ ไทย-คาซัคสถาน เปิดตลาดการค้าและท่องเที่ยว หลัง ๒ ประเทศลงนาม MOU ร่วม ๓ ฉบับ เม.ย นี้ ขณะที่ภาคธุรกิจมั่นใจผลเยือนคาซัคสถาน หวังเปิดตลาดและการท่องเที่ยวไทยพุ่งวันที่ ๒๕ ก.พ. ๒๕๖๗ นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำคณะนักธุรกิจไทยเยี่ยมชม Shymbulak Mountain Resort เมืองอัลมาตี เพื่อรับทราบแนวทางพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและกีฬาฤดูหนาวชั้นนำของคาซัคสถานโดยเฉพาะสกีรีสอร์ต และแหล่งท่องเที่ยวในช่วงหน้าร้อนซึ่งส่งผลให้การท่องเที่ยวในประเทศ คาซัคสถานขยายตัวมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนี้นายจักรพงษ์ยังได้นำคณะนักธุรกิจไทยเยี่ยมชมกิจการและสถานที่สำคัญที่เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจในเมืองอัลมาตี ที่เป็นแหล่งผลิตภัณฑ์อาหารในเมือง Almaty และชมสถานที่เกี่ยวกับบริการสุขภาพและการค้า โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่าหลังการลงนามร่วมกันระหว่างไทยและคาซัคสถานในเดือนเมษายนจะเห็นความชัดเจนของการค้าและการท่องเที่ยวที่ประเทศไทยจะเปิดตลาดในคาซานเพิ่มขึ้นซึ่งตลอดกาลเดินทางเยือนคาซานทั้งเมือง Astana และดูงานและพูดคุยกับระดับภาครัฐของเมือง Almaty ก็ยิ่งได้เห็นถึง ความตั้งใจของรัฐบาลคาซานที่พร้อมเปิดรับประเทศไทยที่จะเข้ามาทำการค้าและลงทุนแต่ช่วงแรกอาจจะต้องศึกษาข้อมูลโดยเฉพาะเส้นทางการขนส่งที่ค่อนข้างจะใช้เวลาเวลานานแต่มั่นใจว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจะขยายตลาดใหม่ไปยังประเทศที่มีโอกาสทำการลงทุนได้ในระยะต่อไปโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียกลาง ด้านนายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ คณะกรรมการบริหารสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวกับผู้สื่อข่าวไทยรัฐว่าตอนมาไม่ได้คาดหวังคาซัคสถานถือเป็นประเทศใหม่และเป็นประเทศที่ร่ำรวยมากมีประชากร ๒๐ ล้านคน แต่มีรายได้ ๕ แสนคนต่อหัว จึงมองเห็นศักยภาพตลาดของคาซัคสถานและเป็นโอกาสที่ดีมากที่จะโปรโมตการท่องเที่ยว การพยาบาลและการเกษตรกับอาหารที่เขายังขาดแคลนมากเพราะเป็นประเทศที่หนาวต้องการอาหาร ซึ่งสภาหอการค้าไทยดีใจที่ได้มาร่วมคณะกับรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ  และภาคธุรกิจก็ได้คอนแทกต์กับรัฐบาลคาซัคสถานซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี ทั้งนี้เชื่อว่า ประเทศไทยจะตีตลาดที่คาซัคสถานได้แน่นอนและจะนำเอาเม็ดเงินหลายหมื่นล้านเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะการท่องเที่ยวและการเกษตรได้เป็นอย่างมาก และหากขาดคาซัคสถาน เพิ่มเที่ยวบินตรงไปประเทศไทยเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวในประเทศไทย ปีละ ๒๔๐,๐๐๐ คนเชื่อว่าจะเกินเป้าอย่างแน่นอน เรือเอก ชัชวรรณ สาครสินธุ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงอัสตานา กล่าวว่า คาซัคสถานเป็นตลาดทางเลือกที่รัฐบาลไทยจะมาเปิดตลาดโดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่รัฐบาลขยายวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวอีก ๖ เดือน และมั่นใจว่าหลังการเยือนของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศคาซัคสถานในเดือนเมษายนนี้ที่จะมีการลงนาม MOU ร่วมกัน ๓ ฉบับ จะยิ่งทำให้การลงทุนและกาวค้าของไทยในคาซัคสถานดีขึ้นอีก