สว.สมชาย แสวงการ โพสต์เฟซฯ ความเห็นอีกฝั่ง แจงยิบ ๔ ข้อ เชื่อ ทำไมหุ้น itv ยังเป็นหุ้นสื่อมวลชน และ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล อาจขาดคุณสมบัติ มีลักษณะต้องห้ามวันที่ ๒๓ ม.ค. ๖๗ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก ทำไมหุ้น itv ยังเป็นหุ้นสื่อมวลชน และพิธาอาจขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม เห็นพรรคการเมือง และผู้นำทางความคิดของพรรคก้าวไกลออกมาสื่อสารกับสังคมต่อเนื่องที่อาจทำให้สังคมไขว้เขว หรือทำให้คำวินิจฉัยศาลรัฐฐธรรมนูญเบี่ยงเบนขาดความน่าเชื่อถือในฐานะที่ผมเคยเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในหลายกรณี ต่างกรรมต่างวาระกันมา จึงตัดสินใจเขียนความเห็นประกอบข้อกฎหมาย โดยยึดแนวทางคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ แนวทางคำพิพากษาศาลฎีกา โดยจะขอเสนอเป็นความเห็นส่วนตัว ประกอบข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการติดตามข่าวสาร ซึ่งจะไม่สามารถไปชี้นำ หรือส่งผลอย่างหนึ่งอย่างใดต่อคำวิจฉัยคดีที่จะมีขึ้น ดังนี้ครับ๑)บริษัท itv ยังคงเป็นสื่อมวลชน โดย itv มีสถานะความเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีมีวัตถุประสงค์จดแจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เกี่ยวกับสื่อรวม ๕ ข้อ เช่น รับบริหารและดำเนินกิจการสถานีวิทยุ โทรทัศน์ โทรทัศน์ระบบบอกรับเป็นสมาชิกและโทรภาพทางสาย (เคเบิลทีวี) เป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำ บริการประชาสัมพันธ์และจัดรายการทางวิทยุโทรทัศน์ โทรทัศน์ระบบบอกรับเป็นสมาชิกและโทรภาพทางสาย (เคเบิลทีวี) แพร่ภาพโทรทัศน์ ผลิตรายการ ประชาสัมพันธ์ รับจ้างผลิตสื่อ ฯลฯ จนถึงปัจจุบัน itv ยังไม่มีการจดทะเบียนเลิกบริษัทหรือจดยกเลิกวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับสื่อมวลชนทั้ง ๕ ข้อดังกล่าว:จึงเห็นว่า นายพิธา น่าจะขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามสอดรับกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ๑๔/วินิจฉัยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามในคดีการถือหุ้น บริษัท วีลัคมีเดีย ที่อ้างว่าปิดกิจการแล้ว แต่ไม่จดทะเบียนยกเลิกบริษัท ศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่ายังสามารถประกอบกิจการสื่อมวลชนได้ตลอดเวลา ตราบใดที่ไม่ได้จดเลิกบริษัท เช่นเดียวกับคำพิพากษาสาลฎีกาในทำนองเดียวกันกับผู้สมัครเลือกตั้ง สส.๔ ราย ที่ไม่ได้จดทะเบียนเลิกประกอบกิจการสื่อขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามเช่นกัน๒)บริษัท itv ชนะคดีเบื้องต้นแล้ว ๒ ยก รัฐต้องคืนคลื่นความถี่และชดใช้ค่าเสียหาย โดย itv ที่ได้ถูกปิดสถานีและยึดคลื่นคืนเพราะไม่ชำระหนี้ค่าสัมปทานแก่รัฐเมื่อ ๑๗ ปีก่อน ได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ หมายเลขดำที่ ๒๙/๒๕๔๕ โดยอ้างว่ารัฐให้สัมปทานกับบุคคลอื่น เป็นเหตุให้บริษัทฯ ได้รับผลกระทบต่อฐานะการเงินอย่างรุนแรง จึงขอให้สำนัดปลัดสำนักนายกฯ ชดเชยความเสียหายตามสัญญาเข้าร่วมงานฯ-คณะอนุญาโตตุลาการชี้ขาดให้ itv ชนะ ได้รับเงินเยียวยาและคืนคลื่นความถี่ -สปน. นำคดีสู้ ต่อศาลปกครองกลาง แต่ศาลพิพากษายกคำร้อง -สปน. ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อ-สถานะปัจจุบัน ศาลปกครองสูงสุดยังไม่มีคำพิพากษาในคดีนี้:จึงเห็นว่า นายพิธา น่าจะขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามเพราะคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการและศาลปกครองกลางให้ itv เป็นผู้ชนะคดี ได้รับการเยียวยา และคืนสัมปทานคลื่นความถี่โทรทัศน์ itv จึงอยู่ในฐานะที่พร้อมประกอบกิจการสถานีโทรทัศน์ได้๓)บริษัท itv ไม่ได้ประกอบกิจการแล้ว แต่ยังมีบริษัทลูกประกอบกิจการสื่อและมีรายรับจากบริษัทอาร์ตแวร์มีเดีย ที่ itv เป็นผู้ถือหุ้น ๙๙% โดยมีผลประกอบกิจการจดทะเบียนทำสื่อโฆษณา รายการ ให้เช่าเครื่องมือ ลิขสิทธิ์ และอื่นๆ ฯลฯ ที่ถือได้ว่าเป็นธุรกิจสื่อมวลชน:จึงเห็นว่า นายพิธา น่าจะขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามสอดรับกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล พ้นจากสส. ด้วยเหตุถือหุ้นสื่อสารมวลชน บริษัท เฮด อัพ โปรดักชั่น จำกัด และ บริษัท แอมฟายน์ โปรดักชั่น จำกัด๔)พิธา ถือหุ้น itv เพียงแค่เล็กน้อย ทำไมจึงผิดศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวิจฉัยที่ ๑๒-๑๔/๒๕๕๓ ในคดีถือหุ้นสื่อและหุ้นสัมปทานรัฐ ที่วินิจฉัยให้ รมต. สส. สว. พ้นจากสมาชิกภาพ และเคยวินิจฉัยไว้ว่าหุ้นสื่อและหุ้นสัมปทานเป็นลักษณะต้องห้ามแม้ถือหุ้นเพียง ๑ หุ้น ก็ขาดคุณสมบัติดังนั้นการที่นายพิธาอ้างว่า ถือหุ้น itv เพียง ๔๒,๐๐๐ หุ้น จาก ๑,๒๐๖,๖๙๗,๔๐๐ หุ้น คิดเป็น ๐.๐๐๓๕ เปอร์เซ็นต์ ไม่มีอํานาจสั่งการบริษัท:ข้อโต้แย้งนี้ของนายพิธาจึงฟังไม่ขึ้น และไม่อาจหักล้างคำนิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่เคยวางแนวไว้เดิม พร้อมน้อมรับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีที่ศาลจะมีคำวินิจฉัยคดีการถือหุ้นสื่อ itv ไม่ว่าจะออกมาในแนวทางใดดร. สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา๒๓ ม.ค. ๒๕๖๗
"สว.สมชาย" ยก ๔ ข้อ ทำไม itv ยังเป็นหุ้นสื่อ-"พิธา" อาจขาดคุณสมบัติ
เรื่องที่เกี่ยวข้อง