วันพุธ, 6 พฤศจิกายน 2567

"นายกฯ" จัดติวเข้มสตาร์ทอัพแก้หนี "มาดามเดียร์" ลุยชิงดำผู้นำปชป.ใหม่ (คลิป)

“เศรษฐา” เดินเครื่องแก้หนี้นอกระบบครบวงจร ติวเข้ม ผวจ.-นอภ.-ตำรวจกว่า ๓ พันคน ย้ำวาระแห่งชาติปลดพันธนาการค้าทาสยุคใหม่ เอาจริงไม่สร้างภาพ สั่งจัดการเด็ดขาดทุกแก๊งเงินกู้โหด พบความผิดครบองค์ประกอบไม่มีละเว้น ปลุกปลอบ จนท.อาจเสี่ยงแต่เป็นสุขช่วยคนไทยพ้นทุกข์ “เสี่ยหนู” แนะใช้นวมก่อนงัดไม้แข็ง “พีระพันธุ์” สกัดขึ้นค่าไฟ ๑๒ ธันวาคมชง คณะรัฐมนตรีตรึง ๓.๙๙ บาทช่วยคนใช้ไม่เกิน ๓๐๐ ยูนิต ก่อนลุยดัมพ์ราคาให้ใกล้เคียง ๔.๑๐ บาท ตามบัญชา “ภูมิธรรม” วอนเร่งสแกนโครงการเงินดิจิทัล แย้ม ก.ม.ประชามติยุติที่ศาล รธน.ชี้นิรโทษกรรมถ้าขัดแย้งใหม่แท้งแน่ “มาดามเดียร์” ไม่ถอยชิงธงหัวหน้า ปชป. “กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย” แห่โชว์พลังหนุน “เสี่ยต่อ” ทำกึ๊กกั๊กขอบวกลบคูณหารก่อน “ชัยชนะ” ประกาศลั่น ๓พี่น้องตะลุยพายุ ก้าวไกลตีปี๊บปราบโกงวันคอร์รัปชันสากล บี้นายกฯทำทันที ปูดข้อมูลงบฯฝายมหาดไทยซ้ำรอย “ชิดชอบบุรี”หลังตีปี๊บประกาศแก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้ประชาชนเป็นวาระแห่งชาติ ล่าสุดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการคลัง เปิดประชุมมอบ นโยบายและวางแนวทางให้แก่ฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ออกลุย ปฏิบัติการอย่างเป็นทางการแล้วนายกฯคิกออฟแก้หนี้นอกระบบเมื่อเวลา ๐๙.๐๐ น. วันที่ ๘ ธ.ค. ที่ห้องรอยัลจูบิลี บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและ การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการคลัง เป็นประธานการประชุม มอบนโยบายและแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการมหาดไทย นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการคลัง พร้อมผู้บริหาร กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้ว่าราชการ จังหวัด (ผวจ.) ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จ.) ปลัดจังหวัดทุกจังหวัด นายอำเภอทุกอำเภอ ผู้อำนวยการเขต ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร (ผกก.ภ.) ผู้กำกับการ สถานีตำรวจนครบาล (ผกก.สน.) รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากทั่วประเทศกว่า ๓ พันคนเข้าร่วม ทั้งนี้ ระหว่างเดินชมนิทรรศการ และฟังบรรยายสรุป จากหน่วยงานต่างๆ ได้กำชับกับเจ้าหน้าที่ประจำบูธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้เร่งรัดแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เพราะถือเป็นสารตั้งต้นอาชญากรรมย้ำปลดพันธนาการทาสยุคใหม่จากนั้นนายกฯกล่าวมอบนโยบายว่า ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง ทั้งกระทรวงมหาดไทย ตร. และทุกหน่วยงาน วันนี้ไม่ได้เชิญมากระชับอำนาจ ให้ตน แต่มาขอแรงทำประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน มาช่วยกันทำให้การค้าทาสในยุคใหม่หมดไปจากประเทศไทยด้วยกัน พี่น้องเพื่อนร่วมชาติเราจำนวนมาก มีความทุกข์ ถูกพรากอิสรภาพในการใช้ชีวิต เพราะมีหนี้สินจองจำพวกเขาอยู่ พวกท่านในฐานะทำหน้าที่ บำบัดทุกข์บำรุงสุข และผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เชื่อมั่นว่า สามารถช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชน ให้มีอิสรภาพต่อชีวิตพวกเขาได้ ในฐานะนายกฯ จำเป็นต้องขอพึ่งพาความรู้ความสามารถของพวกท่าน ช่วยให้พี่น้องประชาชนเป็นอิสระหลุดพ้นพันธนาการจากหนี้นอกระบบจัดการเด็ดขาดทุกแก๊งเงินกู้โหดนายกฯกล่าวว่า รัฐบาลกำหนดให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ ที่เราต้องมา ร่วมแรงร่วมใจกันแก้ไขปัญหานี้ให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกิน ที่สูงอย่างไม่เป็นธรรม การทวงถามหนี้ที่มีลักษณะคุกคามขู่เข็ญ หรือใช้กำลังประทุษร้าย ส่งผลต่อการใช้ชีวิตและความสงบเรียบร้อยของสังคม เป็นวาระ สำคัญของชาติจริงๆ ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาเพื่อภาพลักษณ์ของรัฐบาล หรือของหน่วยงาน ประสานเชื่อมโยงฐานข้อมูลเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน ไม่ให้ ตกหล่น และข้อมูลถูกต้อง ไม่มีการบิดเบือน ช่วยสื่อสาร เชื้อเชิญให้ประชาชนที่มีความเดือดร้อนเข้ามาลงทะเบียน ไม่ว่าจะเป็นการทวงหนี้จากแก๊งหมวกกันน็อก เว็บไซต์ให้กู้ยืมออนไลน์ หรือเจ้าหนี้นอกระบบในรูปแบบอื่นๆ ถ้าพบองค์ประกอบความผิดครบ เจ้าหน้าที่ ตำรวจและเจ้าพนักงานอัยการ จับกุมและดำเนินคดีได้ทันที ไม่มีการละเว้น เจ้าหนี้ และลูกหนี้ ประนี ประนอมไกล่เกลี่ยกันร่วมกันหาทางออกอย่างสันติวิธีถูกต้องตามกฎหมาย หรือภายหลังพบมีการข่มขู่ เจ้าหนี้ไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาไกล่เกลี่ยจนเป็นเหตุ ให้ลูกหนี้เดือดร้อน พนักงานฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ต้องร่วมกันบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดชี้เสี่ยงแต่เป็นสุข ปชช.พ้นทุกข์นายกฯกล่าวว่า รัฐยินดีให้ความช่วยเหลือ ทั้งในชั้นการไกล่เกลี่ย ให้คำแนะนำจากสถาบันการเงิน ของรัฐ ขอให้ร่วมกันใช้อำนาจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทุกคนต้องไม่ยอมแพ้ ไม่ท้อถอย ไม่หยุดช่วยเหลือประชาชน มุ่งเป้าไปที่กลุ่มเจ้าหนี้ หรือลูกหนี้ที่มีพฤติการณ์ผิดกฎหมาย สร้างความเดือดร้อนนานาชนิด ต้องแก้ปัญหาให้ได้ อย่าปล่อยผ่าน ยกเลิกเพิกถอนสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และเงื่อนไขอื่นๆในการบังคับคดี หรือสิทธิในทางศาลได้โดยถูกต้องตามกฎหมายให้ใช้ศาสตร์และศิลป์อย่างตรงไปตรงมา ขอประกาศเป้าหมายว่า หนี้นอกระบบต้องจัดการโดยเด็ดขาด ต้องกำหนดตัวชี้วัด (KPI) ที่เหมาะสม กรอบเวลา ที่ชัดเจน ขอย้ำให้ทุกคนให้ความสำคัญ ให้รักษาเกียรติ และศักดิ์ศรีรับใช้ประชาชนมากขึ้น ตนตระหนักดีว่า เป็นเรื่องที่หนักและเหนื่อย ในบางเหตุการณ์อาจต้อง เสี่ยงภัยเกิดอันตรายขึ้นได้ แต่หากทุกคนช่วยเหลือประชาชนแม้เพียงคนเดียวให้ได้พ้นจากทุกข์ ควรจะมี ความสุข เรียกว่าเป็น change for good สร้างความสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชนtt ttมท.๑ ขู่ไม่รอมชอมเจอไม้แข็งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ต้องเริ่มจากความเข้าใจถึงความเดือดร้อนที่ประชาชนได้รับ ดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด วิธีการ ทวงถามหนี้ ติดตามหนี้ที่ละเมิดต่อชีวิต ทรัพย์สิน และความสงบเรียบร้อยของสังคม เราไม่ได้มองว่าลูกหนี้คือพระเอก หรือเจ้าหนี้เป็นผู้ร้าย แต่เจ้าหนี้ที่กดขี่ข่มเหงและลูกหนี้ที่เบี้ยวหนี้เป็นผู้ร้าย ต้องจัด ระเบียบทั้ง ๒ ฝ่าย ให้ถูกต้องเพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคม ดังนั้น ต้องช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นเชื่อถือ กับประชาชน เริ่มจากใช้น้ำเย็น หรือไม้อ่อนด้วยการ ทำให้เกิดความเข้าใจ หาเหตุผลทำให้ทั้ง ๒ ฝ่าย บรรลุ ข้อตกลงประนีประนอมกันให้ได้ หากสามารถตกลงกัน ได้ไม่ต้องใช้กฎหมายบังคับ แต่หากตกลงกันไม่ได้อาจต้องใช้กระบวนการตามกฎหมาย“พีระพันธุ์” ยันค่าไฟไม่ถึง ๔.๖๘ บ.เมื่อเวลา ๑๑.๒๐ น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการพลังงาน กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติปรับขึ้นค่าไฟฟ้างวด ม.ค.-เมษายน๒๕๖๗ เป็น ๔.๖๘ บาทต่อหน่วย ว่า กกพ.ทำหน้าที่ปกติ แต่ทั้งหมดอยู่ที่รัฐบาลและกระทรวงพลังงานกำลังทำงานอยู่ เอาเป็นว่าไม่ขึ้นไปสูงขนาดนั้น แต่ปัจจัยสำคัญค่าแก๊สตลาดโลกขึ้นสูง เนื่องจากหน้าหนาวความต้องการเพิ่มขึ้น ความจริงไม่มีใครอยากปรับ ปรับแล้วทุกคนต้องอยู่ได้ เราพยายามปรับให้น้อย ที่สุด สำหรับกลุ่มเปราะบางหรือกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าน้อยที่ไม่เกิน ๓๐๐ หน่วย จะได้ราคาเดิม พูดคุยกับ กกพ. ไว้เบื้องต้นแล้ว มีความเป็นไปได้ หรืออย่างน้อยเราพยายามวางเป้าลดให้เหลือ ๔.๑๐ บาท ตามที่นายกฯ ต้องการ แต่มีหลายปัจจัย หลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง พยายามทำให้ได้ หรือใกล้เคียงที่สุดตรึง ๓.๙๙ บาท ช่วยกลุ่มเปราะบางนางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตอนนี้ราคาไฟฟ้าตัวเลขที่อยากได้คือตัวเลข ๔.๑๐ บาทต่อหน่วย โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการพลังงาน มีความเห็นที่สอดคล้องและได้ผลักดัน นโยบายดูแลค่าไฟฟ้ามาโดยตลอด เตรียมเสนอ ที่ประชุม คณะรัฐมนตรีตรึงราคาค่าไฟฟ้า ๓.๙๙ บาท สำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟไม่เกิน ๓๐๐ ยูนิตต่อเดือน และตรึงราคาก๊าซหุงต้ม ๔๒๓ บาท ต่อถัง ๑๕ กิโลกรัม แต่ประชาชนกลุ่มอื่นๆไม่ต้องน้อยใจเพราะจะได้รับ การดูแลให้ไม่เกิน ๔.๒๐ บาทต่อหน่วย ขอให้อุ่นใจที่ รมว. พลังงานให้ความสำคัญ และจะทำสุดความสามารถเพื่อประชาชนทุกคนtt tt“ภูมิธรรม” เชื่อกฤษฎีการู้วิกฤติที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่รัฐบาลส่งคำถามให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาว่า นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการคลัง ได้ส่งเรื่องถามไปแล้ว รัฐบาลอยากทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุดแต่ต้องอยู่ในดุลพินิจของกฤษฎีกา ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้เป็นปัญหา และรู้ว่าที่เราต้องทำเรื่องนี้เพื่อแก้วิกฤติ ถ้าคิดว่าเป็นวิกฤติคงต้องรีบพิจารณา ผู้สื่อข่าวถามว่าถึงกฤษฎีกาจะท้วงติง รัฐบาลยังคงเดินหน้าเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ต้องดูรายละเอียด แต่เรื่องนี้เป็นนโยบายที่เราได้พูดกับประชาชนและแถลงต่อสภาฯ จุดมุ่งหมายของโครงการเราหวังว่าช่วยเป็นใบเบิกทางเริ่มต้นทำให้ เศรษฐกิจบูมขึ้น และเดินต่อไปได้ ข้อวิพากษ์วิจารณ์หรือข้อห่วงใยถ้าไม่ใช่สาระสำคัญก็ไม่มีปัญหา อาจปรับปรุงและเดินหน้าต่อไป แต่ถ้าเป็นข้อท้วงติงที่มีผลกระทบกับโครงการเราต้องมาดูอีกที เมื่อถามว่านายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ แนะนำควร ถามกฤษฎีกา ๒ รอบ นายภูมิธรรมตอบว่า เป็นข้อคิดเห็น ต้องขอบคุณนายวิษณุ ทั้งหมดต้องฟังกฤษฎีกาก่อน และฝ่ายกฎหมายต้องมาดูด้วยว่าเป็นอย่างไรแล้วค่อยปฏิบัติแย้มส่งศาล รธน.ตีประชามตินายภูมิธรรมในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญกล่าวถึงความคืบหน้าการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ส่วนของการรับฟังความคิดเห็นเสร็จสิ้นแล้ว และสภาฯ รวมทั้ง สว.ได้ตอบแบบสอบถามแล้วทั้ง ๒ ส่วน ขณะนี้กำลังเปิดเวทีให้พูดคุยกันเพื่อให้ทราบทิศทางทั้ง ๒ สภาฯ เราต้องการให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ผ่านให้ได้ ส่วนเรื่องการศึกษาการทำประชามติ มีความเห็นแตกต่างว่าต้องทำกี่ครั้ง โดยเสนอให้กับพรรคการเมืองผ่าน สส.ในสภาฯ เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ส่วนพรรคเพื่อไทยจะพิจารณาเรื่องนี้ในวันที่ ๑๒ ธ.ค. เมื่อถามถึงรูปแบบที่จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในปัญหาการทำประชามติจะเป็นเช่นใด หรือจะเสนอเป็นญัตติเพื่อให้สภาฯพิจารณา นายภูมิธรรมตอบว่า อาจเป็นเช่นนั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคการเมือง ประธานสภาฯก็ไม่ขัดข้องถ้าคุยกันแล้ว แต่หากหารือแล้วยังไม่ได้ข้อสรุปประธานสภาฯจะยื่นถามศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยยัน พท.ยึดหลักความจริงทำเร็วเมื่อถามว่าเรื่องที่จะถามศาลรัฐธรรมนูญคือการทำประชามติกี่ครั้งใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า อยู่ที่ว่าติดขัดเรื่องอะไร และมีประเด็นอะไรที่อยากถาม ส่วนพรรคเพื่อไทยจะให้ถามเรื่องอะไรนั้น ต้องรอการประชุมวันที่ ๑๒ ธันวาคมก่อน เบื้องต้นได้หารือกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) แล้ว ท่านก็เห็นชอบว่าจะให้ประชุมเรื่องนี้ในวันดังกล่าว เมื่อถามว่าคณะกรรมการจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในสิ้นปีตามไทม์ไลน์เดิม และเสนอผลศึกษาให้คณะรัฐมนตรีในต้นปี ๒๕๖๗ ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า สิ้นปีนี้ก็น่าจะจบ และรอช่วงหลังปีใหม่จะเสนอให้ คณะรัฐมนตรีพิจารณา เมื่อถามว่า กระบวนการทำประชามติจะเริ่มต้นในไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๗ ตามไทม์ไลน์เดิมใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยืนยันว่าเราจะทำให้เร็วที่สุด แต่คิดว่าต้องอยู่กับความเป็นจริง เพราะไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราอย่างเดียว ขึ้นอยู่กับองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ต่างๆด้วย ถ้าปัญหาตรงนั้นมีไม่มากมันก็เร็ว ถ้ามีมากก็อยู่ในดุลพินิจขององค์กรเหล่านั้น เราต้องเอามาดูและปรับดูว่าเราทำได้มากน้อยแค่ไหนชงนิรโทษทุกอย่างต้องจบก่อนนายภูมิธรรมกล่าวถึงแนวทางการเสนอร่าง พระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ของพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า พรรคยังไม่ได้คุยกันเรื่องนิรโทษกรรมเกือบจะตกผลึกกับทุกฝ่ายอยู่แล้วในแง่ที่อยากเห็นการนิรโทษกรรม แต่ในกรณีที่มีข้อขัดแย้งคงต้องพิจารณาให้ละเอียด เพราะถ้าออกมาโดยที่ยังไม่เคลียร์สังคมให้จบอาจเป็นความขัดแย้งใหม่ จุดยืนของเราคือเห็นด้วยและสนับสนุนในส่วนที่ตกผลึกแล้วทั้งสังคม แต่ประเด็นที่ยังมีปัญหาอยากให้จบก่อน ไม่เช่นนั้นคงทำได้แค่เสนอแต่ไม่ผ่าน เราคงไม่สนับสนุน ส่วนแนวทางที่นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค พท.ให้เสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางการทำนิรโทษกรรมฯขึ้นก่อน ก็ต้องผ่านเข้าที่ประชุมพรรคพูดคุยกันจ่อขยับประชุม ครม. ๑๐ โมงเช้านายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงกระแสข่าวขยับเวลาการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จาก ๐๙.๐๐ น.เป็น ๑๐.๐๐ น. เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒ ธันวาคมว่า ยังไม่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แต่เป็นไปได้ เพราะการประชุม คณะรัฐมนตรีชุดนี้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ พิจารณากระชับ มักจบเร็วก่อนเที่ยง บางทียังไม่ถึงเวลาอาหารกลางวัน และขณะนี้ คณะรัฐมนตรีรับทราบปัญหาได้มากแล้ว การลงรายละเอียดจึงอาจไม่ต้องมาก เพราะประเด็นสำคัญอยู่ที่แนวทางแก้ไข จะแก้อะไร อย่างไร ใครเป็นผู้รับผิดชอบ และใช้เวลาดำเนินการเท่าไหร่ ตรงนั้นสำคัญกว่ามานั่งพูดปัญหา เพราะรู้มาตลอดอยู่แล้ว ที่ผ่านมาการประชุมของ คณะรัฐมนตรีชุดนี้ใช้เวลาเร็ว ประมาณ ๑๐.๐๐-๑๐.๓๐ น. ก็เสร็จแล้ว ดังนั้นถ้าขยับเวลาประชุมจากเดิมเพื่อให้ไปเลิกตรงใกล้กับเวลาอาหาร จะทำในช่วงเช้าของวันเดียวกันนั้นสามารถทำงานอื่นได้อีก ถ้าด้วยเหตุผลนี้ก็เป็นไปได้ที่จะขยับเวลาประชุม และสมมติว่าวันไหน คณะรัฐมนตรียังคุยกันไม่จบ ก็หารือต่อเนื่องช่วงบ่ายได้tttt ttttttttconst jwplayer๑ = jwplayer(“cover_jwplayer_F๔VPVuQ๘”).setup({tttt    “playlist”: “https://cdn.jwplayer.com/v๒/media/F๔VPVuQ๘” tttt});tttt“มาดามเดียร์” ไม่ถอยขอสู้ต่ออีกเรื่องปัญหาภายในพรรคเก่าแก่ เมื่อเวลา ๐๙.๓๐ น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. พรรค ปชป.ในฐานะผู้สมัครชิงหัวหน้าพรรค ปชป.แถลงว่า จุดยืนที่ตั้งใจเสนอตัวเองเป็นทางเลือก เพราะเชื่อมั่นและศรัทธาในพรรค ปชป. ทางเดียวที่จะทำให้พรรคกลับมาเป็นที่ไว้วางใจและเป็นที่พึ่งของประชาชน คือการทำจุดยืนและอุดมการณ์ให้กลับมาชัดเจน ดังนั้น พรรคต้องเสนอทางออกเป็นทางเลือกให้ประชาชน ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงเพื่อตัวเอง ตนตั้งใจและศรัทธาในวิถีอุดมการณ์ ไม่เปลี่ยนแปลงคำพูดใดๆ ไม่เปลี่ยนจุดยืน แต่จะขอสู้ให้ถึงที่สุด ส่วน กรณี ๒๑ สส.มีมติสนับสนุนให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรค ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคนั้นยิ่งมีผู้สมัครมากเท่าใดสมาชิกจะมีโอกาสที่ดี ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น ขอทำตามความฝันและสู้ถึงที่สุด คงต้องเป็นการตัดสินใจของสมาชิกพรรค ส่วนอนาคตหากแพ้ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร ต้องขอประเมินก่อน แนวอุดมการณ์เป็นเรื่องของตน ถ้าเราไม่เหมาะสมกับองค์กรใดเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาตัวเอง“ชวน” ไม่แปลกใจ สส.ดัน “เสี่ยต่อ”นายชวน หลักภัย สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงความกังวลในการเลือกหัวหน้าพรรค ปชป.คนที่ ๙ ในวันที่ ๙ ธ.ค. หลังกลุ่ม ๒๑ สส.ของพรรคมีมติขอให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรค ลงสมัครเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ว่า คิดว่าเรียบร้อย ที่ สส.ขอให้นายเฉลิมชัยลงสมัคร ความจริงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา พูดในที่ประชุมพรรคหลายครั้งว่า เลือกใครเป็นหัวหน้าพรรคก็แล้วแต่เลขาธิการพรรคสั่ง เพราะเลขาฯดูแลเขามาตลอด ๔ ปีแล้ว เมื่อถามว่า นายชวนจะเลือกใคร นายชวนตอบว่า ยังไม่ได้ประชุมกันเลย ไม่ทราบว่ามีใครเสนอตัวบ้าง ก็ให้กำลังใจทุกคนที่ลงสมัคร แล้วแต่สมาชิกพรรค“กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย” แห่โชว์พลังต่อมาเวลา ๑๒.๒๐ น. ที่ลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม สส. อดีต สส. อดีตผู้สมัคร สส.ตัวแทนสาขาพรรค กทม.และภาคกลาง รวมถึงสมาชิกพรรค ปชป. กว่า ๑๐๐ คน นำโดยนายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคภาคกลาง นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และรักษาการรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรักษาการรองเลขาธิการพรรค ร่วมมอบดอกไม้ให้กำลังใจนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรค เพื่อขอให้ลงสมัครเป็นหัวหน้าพรรค ชูป้ายข้อความให้กำลังใจ และตะโกน “พี่ต่อสู้ๆ” “พี่ต่อ รับตำแหน่ง” อย่างคึกคัก นายนราพัฒน์กล่าวว่า ขอเป็นอีกหนึ่งเสียงสนับสนุนนายเฉลิมชัย ให้กลับมาสู่ความเป็นหนึ่งเดียว เราไม่ได้เสียจุดยืน ไม่ได้เสียภาพลักษณ์ที่ดี ยังเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ เป็นความหวังของประชาชน เพียงแต่ว่า ปัญหาภายในบางอย่างทำให้เราไม่มีเอกภาพ วันนี้ ปชป.จะได้นับหนึ่งจากการเป็นเอกภาพ“ชัยชนะ” ประกาศ ๓ พี่น้องฝ่าพายุนายชัยชนะกล่าวว่า วันนี้การบริหารพรรคที่ทุกคนประกาศว่า เรามีจิตสำนึกที่ดีที่รักพรรคมี ๒ อย่างคือ หวงพรรคกับห่วงพรรค กับหวงอำนาจมันต่างกัน ในฐานะที่เป็นน้องเล็กสุด นายเฉลิมชัย เป็นพี่ชายคนโต นายเดชอิศม์ เป็นพี่รอง เรา ๓ คน พี่น้องรักกัน ไม่ว่าพายุหรืออุทกภัยแปรปรวนอย่างไร ไม่สามารถทำให้หัวใจความเป็นลูกผู้ชายของเราทั้ง ๓ แตกแยกออกจากกันได้ เป็นสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง ถึงเวลาแล้วเรามาเชิญให้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนที่ ๙ ด้วยความรักและจิตศรัทธานำพาพรรคกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง กล่าวจบนายชัยชนะ สวมกอดนายเฉลิมชัยโชว์สื่อทันที ขณะที่นายเดชอิศม์กล่าวว่า พวกเราทราบดีว่าตำบลกระสุนตกคือนายเฉลิมชัย เพราะเคยลั่นวาจาจะเลิกเล่นการเมือง ช่วงเลือกตั้งเราต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มาตลอด เป็นแม่ทัพไม่ขาดตกบกพร่อง นายเฉลิมชัยเป็นคนที่เสียสละมากที่สุด ขอร้องให้เสียสละอีกครั้ง ความรัก ความศรัทธา ความเชื่อมั่นซื้อกันไม่ได้“เฉลิมชัย” กั๊กขอบวกลบคูณหารด้านนายเฉลิมชัยกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ตัดสินใจ ขอคุยกับ สส.ก่อนว่าเป็นมาอย่างไรถึงมาลงที่ตน แต่เข้าใจสมาชิกพรรคทุกคน แต่ต้องตัดสินใจอยู่แล้วไม่ว่าอย่างใดอย่างหนึ่ง ในวันที่ ๙ ธันวาคมต้องชัดเจน สำคัญสุดต้องมีคำตอบให้กับตัวเองได้ไม่ต้องห่วงพูดอะไรไปรู้ตัว เข้าใจและขอบคุณมาก “ผมรักพรรคเพราะพรรคคือส่วนหนึ่งของผม และสายเลือด ทุกคนถึงได้มีความรู้สึกว่าผมควรจะกลับเข้ามา แต่ขอเรียนทุกท่านว่าผมก็เป็นคน การตัดสินใจของผมไม่ว่าเรื่องใดเรื่องหนึ่งมีแต่ขาดทุนกับเสมอตัว แต่ผมมีสำนึก สิ่งที่เรียกหาจากพรรคคือสำนึก วันนี้สิ่งที่พูดไปผมมันเป็นศพไปแล้ว เหลือแต่วิญญาณ แต่วิญญาณยังมีคุณค่า เป็นวิญญาณมีสำนึก จะไปคุยเหตุคุยผลบวกลบคูณหาร หากจะทำให้ ปชป.เดินได้จะพิจารณา แต่ถ้ามีเหตุการณ์ใดที่พรรคจะต้องแตก เลือดไหลไม่หยุดอีก ฉะนั้นวันที่ ๙ ธ.ค. มีคำตอบแน่นอน” จากนั้นกองเชียร์ตบมือตะโกน “พี่ต่อสู้ๆ” ก่อนจะยกขบวนขึ้นไปที่ชั้น ๓ อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ก่อนนัดไปรวมตัวที่บ้านดาวล้อมเดือน บ้านพักของนายเฉลิมชัย ในช่วงเย็นจับตาชงชื่อกลางวงประชุมใหญ่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าจับตาว่า ในการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี ๒๕๖๖ พรรค ปชป.ครั้งที่ ๓ สส.ในกลุ่มเพื่อนนายเฉลิมชัยเตรียมเสนอชื่อนายเฉลิมชัยต่อที่ประชุมใหญ่เพื่อให้พิจารณาลงสมัครเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยมีผู้รับรองอย่างท่วมท้น เฉพาะกลุ่ม ๒๑ สส.ก็มีสัดส่วนคะแนนเสียงโหวต ๗๐% คิดเป็น ๖๐% ของผู้มีสิทธิออกเสียงในการเลือกตั้ง ที่สามารถชี้ส่งผลให้นายเฉลิมชัย ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรค ปชป.คนใหม่ได้ทันที หากนายเฉลิมชัยยอมรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่tt tt“ตุ๋ย” บุ้ยรับ ปชป.แตกรังซบ รทสช.เมื่อเวลา ๑๑.๒๐ น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกระแสที่สมาชิกพรรค ปชป.บางส่วนอาจ ย้ายเข้ามาอยู่กับพรรค รทสช.หากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรค ปชป. มีโอกาสได้เป็นหัวหน้าพรรค ปชป.คนใหม่ ว่า ไม่ทราบ ไม่มีความเห็น อะไรที่ยังไม่เกิดขอไม่พูด ส่วนพรรครทสช.ก็เดินหน้าตามปกติ ตนในฐานะหัวหน้าพรรคจะทำหน้าที่ให้ดีทั้งดูแลพรรคและประชาชนในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล จุดขายหลักของเราเป็นพรรคที่ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ก้าวไกลตีปี๊บวันคอร์รัปชันสากลเมื่อเวลา ๑๐.๔๕ น. ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. ร่วมกันแถลงจับตานโยบาย ชำแหละปัญหา-เสนอทางแก้คอร์รัปชัน เพื่อส่งสัญญาณไปสู่รัฐบาล เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ๙ ธ.ค. นายวิโรจน์กล่าวว่า ไทยอยู่ในวังวนหลุมดำการคอร์รัปชัน ๙ หลุม อาทิ ระบบตั๋วเส้นสายวิ่งเต้น ซื้อขายตำแหน่ง ระบบอุปถัมภ์ เครือข่ายทุนผูกขาด ใช้กฎหมายแบบ ๒ มาตรฐาน ตั้งธงใช้นิติสงคราม ขอนำเสนอ ๑๕ มาตรการแก้คอร์รัปชัน ให้นายกฯดำเนินการได้ทันที อาทิ แก้ไข พ.ร.ก.การบริหารการจัดการทำงานคนต่างด้าว เพื่อแก้ปมส่วยแรงงานข้ามชาติ แก้ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ และ พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ไม่ให้ถูกนำไปใช้คุกคามเสรีภาพวิพากษ์วิจารณ์ บังคับใช้มาตรา ๗๗ พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ อย่างเคร่งครัด โยกย้ายตำรวจไม่มีระบบตั๋ว แก้รัฐธรรมนูญให้องค์กรอิสระตรวจสอบถ่วงดุล และวันนี้จีนสีเทา มาเฟียข้ามชาติ จะแห่แหนกันมาลงหลักปักฐานที่ไทย ส่วยมีเต็มบ้านเต็มเมืองโจษจันกันไปทั่วโลก ถ้าบ้านเมืองเรายังเต็มไปด้วยคอร์รัปชัน กังวลว่าไทยจะกลายเป็นประเทศต้องคำสาป ไม่สามารถพัฒนาได้ดีกว่านี้ชงเลื่อนถกงบฯ ๖๗ ไป ๑ สัปดาห์นายณัฐพงษ์กล่าวว่า การพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๗ ตามปฏิทินสำนักงบประมาณ คือ วันที่ ๒๖ ธันวาคม๒๕๖๖ จะมีมติ คณะรัฐมนตรีรับรองเอกสารขาวคาดแดงส่งเข้าสภาฯ แต่เป็นช่วงวันหยุดปีใหม่ กว่าจะเข้าสภาฯจริงคือ ๓ มกราคม๒๕๖๗ ไม่มีทางมีเวลามากพอจะศึกษาร่าง พระราชบัญญัติงบฯ ฝ่ายค้านเสียงข้างน้อยคงไม่สามารถผลักดันได้ถ้ารัฐบาลไม่ให้ความร่วมมือด้วย นายกฯดำเนินการได้คือพูดคุยในพรรคร่วมรัฐบาล และกลไกวิปพรรคร่วมฝ่ายค้าน-ฝ่ายรัฐบาล นำเสนอประธานสภาฯให้เลื่อนวาระประชุมงบฯวาระ ๑ ออกไป ๑ สัปดาห์ เชื่อว่าจะไม่ทำให้งบฯปี ๒๕๖๗ มีผลบังคับใช้ล่าช้าออกไป แต่ทำให้การพิจารณางบฯ ๓.๔๘ ล้านล้านบาท มีประสิทธิภาพมากขึ้นแฉงบฯฝาย กระทรวงมหาดไทยซ้ำรอย “ชิดชอบบุรี”นายณัฐพงษ์กล่าวอีกว่า จากการอภิปรายงบประมาณชิดชอบบุรี หรืองบประมาณซ่อมและสร้างถนนที่กระจุกตัวอยู่ในบางจังหวัด ที่พรรค ก.ก.อภิปรายในงบปี ๒๕๖๖ มีทีท่าว่าจะเกิดเหตุซ้ำรอย คืองบสร้างฝายเก็บน้ำเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งเอลนีโญ มีความน่าสงสัย ตั้ง ชง อนุมัติ และจบภายใน ๒๐ กว่าวัน สร้างฝาย ๔ พันแห่ง ด้วยงบ ๒ พันล้านบาท โดยใช้เงินอุดหนุนเฉพาะกิจของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย คำถาม คือฝาย ๔ พันแห่ง พิจารณาจบภายใน ๒๐ กว่าวัน ถูกต้องตามหลักวิชาการหรือไม่ ทั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) และหน่วยงานที่ดูแลการบริหารจัดการน้ำของประเทศเคยให้ความเห็นว่า ฝายไม่ได้มีความเหมาะสมที่จะจัดการปัญหาภัยแล้งในทุกพื้นที่ งบสร้างฝายต่อแห่งเฉลี่ยอยู่ที่ราว ๕ แสนบาท อยู่ในกรอบที่ไม่ต้องทำ e-bidding เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรต้องทำให้เกิดความโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลงบออกมาว่า ถูกจัดสรรลงไปในพื้นที่ใดบ้าง นอกจากนี้ ขอเรียกร้องว่า วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ๙ ธันวาคมอยากให้นายกฯประกาศเป็นวาระแห่งชาติว่า รัฐบาลชุดนี้จะเข้าเป็นสมาชิก OGP ให้ได้ภายใน ๒ ปีติงด้อมส้มหลงกล “อำนาจเก่า”วันเดียวกัน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า นับตั้งแต่รัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ จนปัจจุบัน พลังฝ่ายก้าวหน้าก้าวรุดหน้ามากขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ จนอาจกล่าวได้ว่าตลอดเกือบ ๒ ทศวรรษนี้พลังฝ่ายก้าวหน้าทำ “สงครามทางความคิด” (War of Position) รุกคืบเอาชนะฝ่ายอนุรักษ์/ฝ่ายชนชั้นปกครองมากขึ้นตามลำดับ สถานการณ์อยู่ระหว่าง “สิ่งเก่าใกล้ตาย แต่ยังไม่ตาย สิ่งใหม่จะเกิด แต่ยังเกิดไม่ได้” แบบที่กรัมชี่ว่าไว้ ทำให้ยังไม่มีผู้แพ้ผู้ชนะโดยเด็ดขาด ดังนั้นพวกเขาต้องปฏิบัติการรุกคืบเอาคืนฐานที่มั่นทางความคิด พลังฝ่ายก้าวหน้า จึงจำเป็นต้องเข้าต่อสู้ในสมรภูมิการทำสงครามทางความคิดนี้ แต่การต่อสู้ด้วยการตอบโต้รายวัน รายชั่วโมง ในโลกโซเชียล จับผิดเรื่องเล็กน้อยโต้เถียงกันไปมาแบบที่ทำกันอยู่ ณ เวลานี้ ไม่ใช่ยุทธวิธีที่จะเอาชนะทางความคิดได้ การรบทางความคิดรอบใหม่หลังจากพวกเขาสนธิกำลังกัน ๓ ฝ่าย (ชนชั้นนำดั้งเดิม+ชนชั้นนำทางการเมือง+ชนชั้นนำทางเศรษฐกิจ เพื่อรักษาอำนาจและสถานะให้คงอยู่ดังเดิมต่อไป) เราจะต้องนำเสนอสังคมแบบใหม่ในฝัน ทำให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ต้องนำเสนอความเป็นไปได้ ต้องสู้กับความเชื่อที่ว่าเป็นไปไม่ได้ มิใช่เฝ้ามองว่านายกรัฐมนตรีหลุดอะไร มีประเด็นอะไรให้เอาไปแซะต่อได้บ้างยึดสมรภูมิความคิดเนรมิตสังคมใหม่นายปิยบุตรระบุว่า พรรคการเมืองและนักการเมืองของพรรคต้องรับบทบาทชี้นำมวลชนเอาการเอางานของพรรคทั้งออนกราวด์และออนไลน์ต้องช่วยกันชี้นำ ยิ่งปล่อยให้สังคมสิ้นหวังเท่าไร ปล่อยให้คนจำนวนมากรำคาญกับการซัดกันไปมาในเรื่องไม่เป็นเรื่องระหว่างสองฝ่ายเท่าไร ก็ยิ่งทำให้พวกเขาชนะในสงครามความคิดรอบใหม่นี้ จุดเริ่มต้น อาจต้องให้พรรคและนักการเมืองของพรรค ผลิตคอนเทนต์ชี้นำความคิดออกมา และมวลชนผู้สนับสนุนพรรคขยายงานความคิดต่อเหมือนกับสมัยที่เป็นฝ่ายค้านตลอด ๔ ปีที่ผ่านมา แต่นับตั้งแต่เลือกตั้งจบจนถึงตอนนี้ เห็นว่ามวลชนผู้สนับสนุนพรรคส่วนใหญ่ไปถกเถียงกันแต่ประเด็นเดิมๆ การตอบโต้กันในโลกออนไลน์ไม่ได้ทำให้พลังฝ่ายก้าวหน้าเอาชนะในสมรภูมิทางความคิด ตรงกันข้ามจะยิ่ง “เข้าทาง”ของฝ่ายอนุรักษ์และชนชั้นปกครอง ฉะนั้นพลังฝ่ายก้าวหน้าต้องนำเสนอสิ่งใหม่ สังคมใหม่ การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ ให้เห็นเป็นรูปธรรม พรรคที่ปวารณาตนเป็นตัวแทนของพลังใหม่ แกนนำของพรรค นักการเมือง สมาชิกของพรรค ต้องชี้นำความคิดมวลชน มิใช่ไปร่วมอยู่ในสนามโต้เถียง หรือมุ่งแต่นำเสนอประเด็นกระแสฉาบฉวยแซะด่าไร้สาระคนเบื่อ-ถอยหนี“กระแสฉาบฉวย ความนิยมนั้นดี มีประโยชน์ ทำให้ได้คะแนนเสียงเพิ่ม แต่อาศัยเรื่องนี้แต่เพียงอย่างเดียว ย่อมไม่เพียงพอและไม่ยั่งยืน มาแล้วก็ไป วันนี้หมดเทศกาลเลือกตั้งแล้ว ต้องเร่งเข้าทำงานความคิดต่อเนื่อง อย่าปล่อยให้ฝ่ายชนชั้นปกครอง ซึ่งมีอำนาจรัฐ อำนาจงบประมาณ ขยายงานทางความคิดแต่เพียงฝ่ายเดียว พรรคและนักการเมืองของพรรค ต้องนำเสนอภาพสังคมใหม่ การเปลี่ยนแปลงใหม่ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร เปลี่ยนไปแล้วจะดีอย่างไร มวลชนเอาการเอางานของพรรคต้องช่วยขยายความคิดต่อ มิใช่ตื่นเช้าเปิดคอมค้นหาประเด็นด่านายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และพรรคอื่น หากทำเพียงเท่านี้ ก็เข้าไปอยู่ในเกมของพวกเขา และทำให้คนกลางๆ ที่ไม่ได้สังกัดทางไหนแบบเอาการเอางานเต็มร้อย เบื่อ และถอยหนี” นายปิยบุตรกล่าวดีเอสไออวดผลงานปราบหมูเถื่อนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ แถลงความคืบหน้าปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน ๑๖๑ ตู้ ๔.๕ ล้าน กก. (คดีพิเศษ ๕๙/๒๕๖๖)  พ.ต.ต.ณฐพลกล่าวว่า ขณะนี้ดีเอสไอได้ส่งสำนวนคดีนี้ที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องกระทำผิดไปยังสำนักงาน ป.ป.ช.แล้ว แยกเป็นเฉพาะส่วนเจ้าหน้าที่รัฐ ๑ สำนวนคดี และบริษัทชิปปิ้งเอกชน ๙ คดี น่าเชื่อว่ายังมีการลักลอบนำเข้าซากสุกรอีก ๒,๓๘๕ ตู้ ปริมาณ ๕๙,๖๒๕ ตัน ทั้งนี้พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐ ๒ หน่วยงานเกี่ยวข้อง ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน ส่วนการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย ๓ แห่ง ใน จ.นครปฐม จากเส้นทางการเงิน ๒๕๙ ล้านบาท เชื่อมโยงการนำเข้าเนื้อหมูเถื่อนของบริษัทเว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟูดส์ จำกัด แต่ไม่พบการทำธุรกรรมซื้อขาย เบื้องต้นตรวจยึดพยานหลักฐานไว้ทั้งหมด นอกจากนี้มีการกระทำผิดซึ่งหน้า ๑ จุด ในพื้นที่ ต.ทุ่งน้อย อ.เมืองนครปฐม พบเป็นบริษัทประกอบธุรกิจห้องเย็น ตรวจพบซากสุกร เป็นหมูสามชั้น ๑๑ ตัน ไม่มีใบอนุญาตเคลื่อนย้ายซากสัตว์ เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ตรวจยึดและส่งให้ สภ.สามควายเผือก จ.ราชบุรี ดำเนินคดีแล้ว“ไชยา” เดินหน้าปราบเนื้อเถื่อนนายคุณากร ปรีชาชนะชัย ผู้ช่วยเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) ทำหน้าที่เลขานุการนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรฯ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาลักลอบนำเข้าสินค้าภาคเกษตรผิดกฎหมายว่า หลังจากเดินหน้าการแก้ปัญหาหมูเถื่อนรวมทั้งขยายผลไปถึงต้นตอ สามารถตรวจยึดหมูเถื่อนได้หลายแสนตัน จากนี้จะเร่งแก้ปัญหาเนื้อวัวเถื่อนที่นำเข้าโดยไม่ผ่านด่านศุลกากรไม่คัดกรองโรคปากเท้าเปื่อย สร้างความเสียหายให้กับตลาดเนื้อวัวไทยอย่างมาก และเพื่อยกระดับราคาเนื้อวัวในประเทศ กระทรวงเกษตรฯ เชิญตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงวัวในประเทศไทยมาหารือแก้ปัญหาเพื่อเร่งรัดการส่งออกวัวไปสาธารณรัฐประชาชนจีน และต่างประเทศมากขึ้น ทั้งจะหารือกับผู้นำเข้าจากจีน เปิดทางเพื่อร่วมกันทำงานตรวจสอบวัวทุกตัวก่อนส่งออกทอ.สอบคลิป สห.ร่วมซีนกรุ๊ปทัวร์พล.อ.ต.บุญเลิศ อันดารา โฆษกกองทัพอากาศ (ทอ.) กล่าวว่า ตามที่มีการเผยแพร่ภาพข้าราชการสังกัด สห.ทอ.ในสื่อสังคมออนไลน์ แต่งเครื่องแบบถ่ายคลิปร่วมกลุ่มนักท่องเที่ยวนั้น ผู้บัญชาการทหารอากาศได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้วได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานผลให้ทราบโดยด่วน เพื่อจะได้ตอบข้อสงสัยของสังคมต่อไป ที่ผ่านมา ผู้บัญชาการทหารอากาศเน้นย้ำให้ข้าราชการสังกัด ทอ.ทุกคนต้องประพฤติปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามระเบียบทางราชการอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ทอ.ยึดมั่นในแนวทางการปฏิบัติราชการอย่างโปร่งใส เป็นกลาง และจะดำเนินการโดยเด็ดขาดหากตรวจสอบพบว่า มีการกระทำผิดระเบียบที่เกี่ยวข้องtt tt“สุทิน” สั่งคุมเข้ม สห.ทอ.รับจ๊อบนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า กรณีมีการเผยแพร่ภาพข้าราชการสังกัดกรมทหารสารวัตรทหารอากาศ (สห.ทอ.) ในสื่อสังคมออนไลน์ แต่งเครื่องแบบถ่ายคลิปรวมกลุ่มกับนักท่องเที่ยวจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า เป็นภาพจริงเมื่อปี ๒๕๖๔ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกลาโหม กำชับผู้บังคับบัญชาในหน่วยทหารต่างๆต้องให้นโยบายให้ชัดเจน และต้องรับรู้ว่าภารกิจใดควรหรือไม่อย่างไร หากเป็นบุคคลสำคัญหรือเป็นแขกของรัฐบาลเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าเพียงแค่รับจ๊อบ ถือว่าใช้ทรัพยากรของรัฐไปในทางมิชอบ ต้องมีบทลงโทษอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่