ปลัดแรงงาน นัดประชุมบอร์ดถกค่าจ้างใหม่สัปดาห์หน้า เผยต้องปรับสูตรคำนวณใหม่ แต่ไม่ต้องนับหนึ่ง ด้านบอร์ดฝ่ายลูกจ้าง เตือนดูข้อกฎหมายให้ชัด แนะทางออกรับมติเดิม แล้วปรับขึ้นใหม่ปีละ ๒ ครั้ง เหมือนในอดีตวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๖ นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานคณะกรรมการค่าจ้าง กล่าวว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้นำมติคณะกรรมการไตรภาคี (บอร์ดค่าจ้าง) แจ้งต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และให้นำกลับมาพิจารณาใหม่ โดยจะมีการปรับสูตรการคำนวณอัตราค่าจ้างใหม่ เนื่องจากในปี ๒๕๖๓-๒๕๖๔ ซึ่งถูกนำมาคำนวณการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในรอบ ๕ ปี เป็นช่วงที่สถานการณ์ช่วงโควิด-๑๙ ระบาด การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจึงมีน้อย จุดนี้กลายเป็นตัวถ่วงในการพิจารณาตามสูตรค่าจ้างจึงต้องปรับสูตรใหม่ แต่ไม่ต้องกลับไปพิจารณาเป็นรายจังหวัดเหมือนเดิม ไม่ต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่ บอร์ดค่าจ้างชุดใหญ่สามารถพิจารณาได้เลย ดังนั้น การพิจารณารอบนี้จะไม่ช้าและสามารถนำเข้า ครม. ได้ภายในเดือนนี้ โดยจะเรียกประชุมบอร์ดค่าจ้างเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ในสัปดาห์หน้าทางด้าน นายวีรสุข แก้วบุญปัน คณะกรรมการค่าจ้างฝ่ายลูกจ้าง กล่าวถึงการทบทวนอัตราค่าจ้างใหม่ ว่า หลักการปฏิบัติในการขึ้นอัตราค่าจ้างตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีรัฐบาลไหนที่ทำแบบนี้ ทุกครั้งที่บอร์ดค่าจ้างมีมติออกไปก็ต้องอนุมัติไปตามนั้น เว้นเสียแต่ว่าปีไหนเศรษฐกิจดีขึ้น ก็อาจจะมีการปรับค่าจ้างปีละ ๒ ครั้ง แต่ครั้งนี้มติบอร์ดค่าจ้างถูกตีกลับเอามาทบทวนใหม่ ต้องถามว่ากฎหมายรองรับหรือไม่ “ประเด็นที่จะพิจารณาใหม่หรือจะไม่พิจารณาไม่ใช่เรื่องสำคัญ จุดสำคัญอยู่ที่ว่ารัฐบาลมีอำนาจแทรกแซงแบบนี้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องถามไปที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ถ้ากฎหมายบอกว่าทำได้ก็จบไป ทำต่อไปได้เลย เพราะลูกจ้างชอบอยู่แล้ว แต่ถ้ากฎหมายไม่รองรับก็ไม่มีใครกล้าทำผิด รัฐบาลต้องอย่าลืมว่ามีกฎหมายมาตรา ๑๕๗ ค้ำคออยู่”นายวีรสุข กล่าวต่อไปอีกว่า เรื่องพิจารณาอัตราค่าจ้างใหม่ อาจจะยุ่งแน่ หากคณะกรรมการค่าจ้างประชุมร่วมกันแล้วมีมติเห็นชอบอัตราค่าจ้างเดิม ไม่ทบทวนใหม่แล้วส่งกลับเข้า ครม. อีกครั้ง เพราะคณะกรรมการค่าจ้างก็ต้องดูด้วยว่ากฎหมายเปิดทางให้ทำได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องยึดตามมติของบอร์ดค่าจ้าง เพราะกฎหมายคุ้มครองแรงงานกำหนดไว้แล้วว่าเป็นอำนาจของบอร์ดในการกำหนดอัตราค่าจ้างและเสนอ ครม. เพื่อรับทราบเท่านั้น ไม่ใช่เสนอเพื่อพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับ ซึ่งในเรื่องนี้ทางกระทรวงแรงงานก็มีฝ่ายกฎหมายดูแลอยู่แล้ว รวมทั้งบอร์ดฝ่ายนายจ้างหรือลูกจ้างก็มีฝ่ายกฎหมายเป็นที่ปรึกษาทั้งนั้น เรื่องนี้คงต้องรอปลัดกระทรวงแรงงานในฐานะประธานบอร์ดค่าจ้างเรียกประชุม จึงจะทราบแนวทางที่ชัดเจนจากนั้นผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลตั้งธงให้ปรับค่าจ้างสูงขึ้น ถ้าบอร์ดค่าจ้างมีความเห็นต่างกัน ต้องถึงขั้นโหวตหรือไม่ นายวีรสุข ตอบว่า ถ้าโหวตต้องมีเสียง ๒ ใน ๓ ของคณะกรรมการค่าจ้างที่มีอยู่ ๑๕ คน แต่เชื่อว่าแม้จะเห็นต่างก็คงไม่มีการโหวต ควรเจรจาแบบแรงงานสัมพันธ์ดีกว่า การโหวตน่าจะเป็นวิธีสุดท้าย เพราะมีตัวแทนรัฐบาล ตัวแทนนายจ้าง และตัวแทนลูกจ้างฝ่ายละ ๕ คน ถ้าต้องโหวตก็เดาไม่ยากว่าจะออกมาในทิศทางไหน แต่ก็ยังไม่แน่นอน เพราะทุกคนก็ต้องดูทิศทางลมด้วย“หากต้องพิจารณาค่าจ้างใหม่ โดยมีการปรับสูตร ตัดเอาปี ๒๕๖๓-๒๕๖๔ ที่เป็น ๒ ปีที่เศรษฐกิจแย่ๆ ออกไป ไม่เอามาคำนวณด้วย จะทำให้อัตราค่าจ้างปรับเพิ่มสูงขึ้นมาได้ อยู่ที่คณะกรรมการกลั่นกรองค่าจ้างจะกำหนดสูตรขึ้นมา ซึ่งในช่วง ๒ ปีที่มีโควิด-๑๙ ระบาดหนัก ไม่ได้มีการปรับขึ้นค่าจ้าง จึงต้องมีการหารือในการประชุมบอร์ดค่าจ้าง อาจจะทบทวนเป็นกลุ่มจังหวัด ๑๗ กลุ่ม ที่ปรับค่าจ้างอัตราเดียวกัน ไม่ต้องพิจารณาใหม่เป็นรายจังหวัดทั้ง ๗๗ จังหวัด จะทำให้ใช้เวลาไม่นาน แต่เรื่องสำคัญอยู่ที่มีกฎหมายรองรับและทำได้หรือไม่มากกว่า”.