โพลชี้ว่าชาวอเมริกันทั้งสองขั้วการเมืองต่างกังวลเกี่ยวกับสถานะของประชาธิปไตย ที่กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงจากการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๖ สำนักข่าวเอพีและศูนย์วิจัย NORC Center for Public Affairs Research เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกันล่าสุด พบว่า ๖๒% ของผู้ใหญ่ มองว่า ประชาธิปไตยในสหรัฐฯ อาจตกอยู่ในความเสี่ยง ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีหน้า ขณะที่ชาวอเมริกันที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตส่วนใหญ่ หรือประมาณ ๗๒% และฝ่ายสนับสนุนรีพับลิกัน ประมาณ ๕๕% บอกว่าพวกเขารู้สึกแบบเดียวกัน แต่ด้วยเหตุผลที่ต่างกันสำนักข่าวเอพี ระบุว่า ที่ผ่านมาประธานาธิบดีโจ ไบเดน พยายามวาดภาพให้เห็นสหรัฐฯ ในยุคอนาคตดิสโทเปีย หากว่าผู้นำประเทศมาจากรีพับลิกัน ในขณะที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะหาทางแก้แค้นฝ่ายตรงข้าม โดยกล่าวว่า นายไบเดนพยายามบ่อนทำลายการเลือกตั้งและในเอกสารคดีฟ้องร้องเขา แสดงให้เห็นว่า ไบเดนให้อำนาจแก่รัฐบาลกลางในการดำเนินคดีกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง โดยอดีตผู้นำสหรรัฐฯ เรียกนายไบเดนว่าเป็น “ผู้ทำลายประชาธิปไตยของอเมริกา”โดยนายไมเคิล อัลแบร์ตุส ศาสตราจารย์คณะรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก กล่าวว่า ทางฝ่ายซ้ายอย่างเดโมแครต กำลังกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งจะมีอำนาจเผด็จการ ต้องการลดการตรวจสอบและถ่วงดุลภายในรัฐบาลอย่างชัดเจน เพื่อเสริมสร้างตำแหน่งประธานาธิบดีให้เข้มแข็ง และช่วยให้ฝ่ายบริหารสามารถเข้าถึงประชากรและภาคส่วนต่างๆ ของรัฐบาลได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในขณะที่ฝ่ายขวารีพับลิกัน คิดว่าการที่รัฐบาลเข้าถึงเกินขอบเขต เป็นการคุกคามต่อเสรีภาพ นำไปสู่คำสั่งให้ดำเนินการในลักษณะใดลักษณะหนึ่งหรือนำนโยบายบางอย่างมาใช้นอกจากนี้ผลสำรวจยังระบุว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ คิดเป็น ๕๑% มองว่า ประชาธิปไตยกำลังดำเนินไปอย่างไม่ดีนัก หรือ ไม่ดีเลย แบบสำรวจยังถามถึงความสำคัญของการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมีขึ้นใน ๑๒ ประเด็น และพบว่าส่วนใหญ่มองว่าผลการเลือกตั้งจะมีความสำคัญมาก หรือสำคัญอย่างยิ่ง ต่ออนาคตของระบอบประชาธิปไตยในสหรัฐฯ.