“บิ๊กทิน” แจงยิบ งบปี ๖๗ กลาโหม ไม่ได้เพิ่มขึ้น ยัน ไทยเทียบ”อาเซียน”ไม่ได้อยู่ในประเทศที่งบทหารสูง “ลดกำลังพล-ลดทหารเกณฑ์” กำลังดำเนินการ ผุดข้าราชการพลเรือนในกลาโหม โต้ ซื้อเรือดำน้ำ หากให้ยกเลิกไม่ฉลาดเลยวันที่ ๔ ม.ค. ๖๗ เมื่อเวลา ๑๗.๕๔ น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๗ วาระแรก วงเงิน ๓,๔๘๐,๐๐๐ ล้านบาทนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกลาโหม ชี้แจงคำถาม งบกองทัพทำไมไม่ลดลง และยังปรับขึ้นตลอด แม้ประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤติ ว่า เบื้องต้น งบกระทรวงกลาโหมที่คิดว่าสูง หากมาดูจริงๆ งบกระทรวงกลาโหม อยู่อันดับที่ ๔ ไม่ถือว่างบประมาณเยอะ แล้วทำไมวิกฤติถึงไม่ลดลง จริงดูจริงๆ คือ งบประมาณกองทัพลดลงนะครับ งบประมาณกองทัพไม่ได้เพิ่มขึ้น หากเปรียบเทียบกับฐานเดิมที่เคยได้ การจัดงบประมาณเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ กระทรวงอื่นทำได้ แต่กระทรวงกลาโหมทำไม่ได้ ยิ่งถ้าพบว่ามีภัยคุกคาม เพราะการจัดงบกองทัพต้องดูประเทศคู่แข่งด้วย ต้องสู้กับเขา บางครั้งเรารู้ว่ามันวิกฤติ แต่เมื่อรู้ว่าประเทศอื่นเขามีการจัดซื้ออาวุธเพิ่ม เราก็ต้องจัดงบประมาณสู้กับเขา ขอย้ำ เป็นการเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ลดลง หากเทียบงบประมาณแผ่นดินเพิ่มขึ้นเท่าไร ๑.๒๓% หากคิดตามอัตราเงินเฟ้อ งบกลาโหมก็ไม่ได้เพิ่มนะหากเปรียบเทียบจีดีพีสหรัฐอเมริกา-จีน ซึ่งเป็นประเทศใหญ่ เขาจัดงบประมาณ ๓% ของจีดีพี หากเปรียบเทียบประเทศอาเซียน สิงคโปร์-อินโดนีเซีย งบประมาณกลาโหมสูงกว่าไทยเรา ประเทศเราไม่ได้อยู่ในประเทศที่งบทหารสูงนะครับส่วนกรณีคำถามการปรับลดกำลังพล นายสุทิน กล่าวว่า ก็ต้องค่อยปรับกันไป การปฏิรูปกองทัพต้องใช้เวลา ผมเข้ามาแล้วความจริง ผมอยากได้เร็วกว่านี้ แต่ต้องไม่กระทบขวัญกำลังใจ ที่ทำไปแล้ว ผมทำโครงการเออรี่รีไทร์ ซึ่งเชื่อว่าจะมีระดับนายพลเข้าโครงการเร็วขึ้น ยืนยันเออรี่รีไทร์ได้ทำให้จำนวนกำลังพลลดลง งบประมาณที่จะใช้ลดลงด้วย ไม่ใช่ใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น นายสุทิน กล่าวอีกว่า ต่อไปจะมีข้าราชการพันธุ์ใหม่ มีข้าราชการพลเรือนในกระทรวงกลาโหม ต่อไปมีสีกากีด้วย ไม่ใช่เฉพาะสีเขียว จะเป็นเป็นข้าราชการพลเรือนธรรมดา และมันจะเริ่มเห็นกำลังพลลดลงในปีต่อๆ ไป จากการปฏิบัติ ๓ ข้อ ตามนโยบายกระทรวงกลาโหม คือ ๑.จากนี้ไปหน่วยไหนไม่จำเป็นจะมีการยุบหน่วย ๒.การควบรวมหน่อยงานที่มีลักษระงานคล้ายกัน และ ๓.การปิดอัตราเกษียณแล้วเกษียณเลย และจะไม่มีการเปิดอัตราบางอัตราขึ้นมาอีก ส่วนคำถาม ทหารเกณฑ์ รัฐมนตรีว่าการกลาโหม ระบุว่า จะให้งดการเกณฑ์ทหารลง ผมก็ทำวิธีจูงใจโดยปรับลดยอดกำลังพลก่อน จากปีละ ๑ แสน คน เหลือปีละ ๘ หมื่นคน แล้วมีมาตรการจูงใจ เชื่อปีนี้คนจะมาสมัครทหารเกณฑ์เยอะ แล้วจากนี้ไปอีก ๔ ปี เชื่อจะมีคนสมัครใจมาสมัครเป็นทหารเกณฑ์ทั้งหมด หากไม่พอก็เปิดรับตามสถานการณ์ “โดยมีการจูงใจเงินเดือนทหารเกณฑ์เราไม่หัก จากนี้เป็นทหารยังได้ศึกษาต่อ เรียนต่อได้เลยในระบบที่กำลังออกแบบ และจากนี้ไปเด็กๆ ทหารเกณฑ์มีโอกาสได้เข้ารับราชการทั้ง บก เรือ อากาศ และมีโอกาสได้เครื่องราชอิสริยาภรณ์”ส่วนเรื่องจัดซื้อเรือดำน้ำมีการระบุว่า การจัดซื้อมีความเสียเปรียบ รัฐมนตรีว่าการกลาโหม กล่าวว่า ต้องขอความเป็นธรรมเรื่องเรือดำน้ำ เพราะรัฐบาลก่อนเขาเป็นคนทำ ผมเข้ามาแก้ ก็ไม่อยากพูด แต่ขอบอกว่าจะแก้ยังไงก็โดนหมด ตอนเราเป็นฝ่ายค้านก็เคยว่าเขาไว้ ถ้าไม่เดินต่อ ผมก็โยนหินถามทางเป็น “เรือฟริเกต” ไหม ย้ำ เดินทางไหนก็โดน เรือดำน้ำจ่ายเงินไปแล้ว ถ้ายกเลิกแล้วได้เงินคืน ผมเลิกวันนี้เลย แต่มันไม่ได้ จ่ายไปกว่า ๖ พันล้านแล้ว ยกเลิกเราก็แย่ ดังนั้นทางเดียวคือเราน่าจะมองยุทธศาสตร์ร่วมกับจีน มีผลประโยชน์ ๒ แสนล้านบาท ถ้าเราไปยกเลิก ก็ไม่ฉลาดเลยขณะวันนี้ถามไปอัยการสูงสุดว่า ยกเลิกสัญญาซื้อเรือดำน้ำได้ไหม ก็ต้องรอคำตอบอีกวัน-๒ วันนี้ก็ได้ได้คำตอบ ยังไงเงินจ่ายไป ๖ พันล้านบาทก็ต้องไม่เสียไปส่วนเรื่อง กู้เรือหลวงสุโขทัยที่จม ก็ต้องทำตาม TOR กำหนด ใครผิดก็ต้องมาลงโทษ เรืออยู่ในน้ำต้องกู้ขึ้นมา และต้องกู้ขึ้นมาทั้งลำ เพื่อเอามาหาหลักฐานเอาผิดให้ได้ เอาขึ้นมาจากทะเล ก็ต้องเอาโคลนออก ท่าน สส.ก็ติดใจว่าเป็นการทำลายหลักฐานอีก ยืนยันการกู้เรือไม่มีนอกในหรอก ต้องเอาเรือขึ้นมาให้ได้มีอีกเรื่อง กรณีที่ดินกองทัพ ผมเข้ามาเป็น รัฐมนตรีว่าการกลาโหม แล้วต้องเอาที่ดินที่กองทัพไม่ได้ใช้ เอามาให้พี่น้องประชาชนใช้ประโยชน์เป็นที่ดินทำกิน ยืนยันนโยบายนี้เราทำจริง ผมเช็กทุกสัปดาห์ว่า ๔ ปีจะสามารถเอาที่ดินมากี่ไร่ เรื่องที่ดินทหารยอมรับว่ามีเยอะ แต่ก็มีการเข้าใจผิด เพราะทหารเขาก็ต้องใช้เป็นที่ตั้งหน่วยทหาร ๕-๑๐ ไร่พอ อีกอันเป็นสนามฝึกซ้อม ซึ่งต้องมีระยะ ๔๐ กม. และอีกอันคือพื้นที่เพื่อความมั่นคงที่ต้องกันเอาไว้ หากเกิดศึกสงครามมาก็ต้องมีพื้นที่ให้ทหารไปต้องกองกำลังหน่วยทหารได้ “ตนเป็น รัฐมนตรีว่าการกลาโหม และไม่ลืมว่าเคยอภิปรายฯ กองทัพไว้อย่างไร ก็ขอเวลาพิสูจน์ต่อไป ย้ำ ไม่ได้เข้ามาซูเอี๋ยกับกองทัพแน่นอน” นายสุทิน กล่าว.