“สมศักดิ์” พบเครือข่ายชาวไทยพุทธจังหวัดชายแดนใต้ ยันช่วยพัฒนาส่งเสริมคุณภาพชีวิตเต็มที่ ถึงแม้มีประชากรเพียง ๑๗% เพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขภายใต้วิถีสังคมพหุวัฒนธรรม มั่นใจพัฒนาชายแดนใต้ดีขึ้นหลังไทย-มาเลเซีย ร่วมกันจับมือเดินหน้า ย้ำพื้นที่ไหนดีขึ้นต้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ ๔ ม.ค. ๖๗ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนได้มีโอกาสพบปะกับผู้นำเครือข่ายชาวไทยพุทธ จากจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำโดย พระครูวรนาถ โพธิคุณ เจ้าอาวาสวัดอรัญวาสิการาม นายกิจจา จันทสิโร ประธานพุทธสมาคม ๕ จังหวัดชายแดนใต้ ผู้ได้รับผลกระทบ และเครือข่ายกว่า ๖๐ คน เพื่อหารือถึงแนวทางการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งผู้แทนภาคประชาชน ได้ขอให้ภาครัฐช่วยพัฒนาส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น พร้อมขอให้สนับสนุนงบประมาณในการส่งเสริมการเรียนการสอนด้านศาสนาเพิ่มเติม เพราะงบประมาณที่ได้สนับสนุนไม่เพียงพอ ทำให้วัดต้องหาทุนมาเติมเอง จึงอยากให้ภาครัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนนายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ถึงแม้ชาวไทยพุทธในจังหวัดชายแดนใต้ จะมีเพียง ๗๗๑ ชุมชน ประชากร ๓๐๖,๒๔๖ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๗ ของประชากรทั้งหมด ๑.๘ ล้านคน แต่ตนได้ยืนยันแล้วว่า จะพัฒนาและสนับสนุนการสร้างความเข้าใจอันดีในสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างเต็มที่ เพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขภายใต้วิถีสังคมพหุวัฒนธรรม ซึ่งตนในฐานะกำกับดูแลการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ก็จะมีการส่งเสริมอาชีพ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ให้ดียิ่งขึ้น โดยเรื่องนี้ได้มีความคืบหน้าแล้ว หลังตนได้มอบให้ ศอ.บต.สำรวจผู้มีรายได้น้อยพบว่า มีครัวเรือนยากจนถึง ๕๒,๑๑๗ ครัวเรือน จำนวนคนกว่า ๑๐๗,๓๕๖ คน จึงเริ่มเดินหน้าการส่งเสริมอาชีพแล้ว”การแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ถือเป็นโอกาสดีที่รัฐบาลทั้ง ๒ ประเทศ ทั้ง ไทย-มาเลเซีย ได้จับมือพัฒนาพื้นที่ร่วมกันแล้ว หลังท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปพบนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย รวมถึงผมได้มีโอกาสพบรองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ๒ ท่าน จึงทำให้มั่นใจว่า หากเดินหน้าไปอีกระยะหนี่ง การพัฒนาพื้นที่จะดีขึ้น เพราะทางมาเลเซียก็อยากให้มีการพัฒนาพื้นที่ชายแดน เพื่อให้เกิดการค้าการลงทุน ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุรุนแรง เพราะจะเกิดผลกระทบหลายอย่าง ส่วนหากอำเภอไหนสามารถฟื้นฟู สร้างอาชีพ เกิดความสงบสุขได้ ก็จะมีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ในทางกลับกัน หากพื้นที่ใดมีเหตุเพิ่มขึ้นหลังยกเลิกให้แล้ว ก็จะมีการกลับมาประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีกครั้ง โดยผมขอยืนยันว่า รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย เพื่อให้การพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ มีประสิทธิภาพและเกิดผลเป็นรูปธรรมมากที่สุด” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว.