วันพฤหัสบดี, 7 พฤศจิกายน 2567

บทเรียนอุบัติเหตุปีใหม่ ตายตํ่าวัยรุ่นดื่มเมาหนัก

19 ม.ค. 2024
71

นับว่าหักปากกานักวิชาการไปหลายสำนักสำหรับ “อุบัติเหตุทางถนนในช่วงปีใหม่ ๒๕๖๗” สามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตจุดเกิดเหตุในช่วง ๗ วันอันตรายให้เหลือ ๒๘๔ ราย ต่ำสุดในรอบสิบกว่าปีมานี้ตามข้อมูลจากศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๗ สรุปอุบัติเหตุตั้งแต่วันที่ ๒๙ ธันวาคม๒๕๖๖-๔ มกราคม๒๕๖๗ รวมทั้งสิ้น ๒,๒๘๘ ครั้ง ผู้บาดเจ็บ ๒,๓๐๗ คน ผู้เสียชีวิต ๒๘๔ คน จังหวัดเกิดเหตุสูงสุด คือ จ.กาญจนบุรี ๘๒ ครั้ง และมีผู้บาดเจ็บสูงสุด ๘๙ คน ส่วนจังหวัดผู้เสียชีวิตมากสุด คือ กรุงเทพฯ ๑๙ คนแม้ว่าปีใหม่ ๒๕๖๗ “นักวิชาการด้านความปลอดภัยทางถนน” เป็นกังวลเกี่ยวกับการขยายปิดสถานบริการตี ๔ และพ่วงเคาต์ดาวน์ฉลองปีใหม่ถึง ๖ โมงเช้า “อาจเป็นสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุสูงขึ้น” แต่ด้วยเจ้าหน้าที่รัฐ อาสาสมัคร และภาคเอกชน ต่างขันแข็งบูรณาการตั้งด่าน ดูแล บังคับใช้กฎหมาย ทำให้อุบัติเหตุลดลงกลายเป็นประเด็นร้อนให้ “ต้องถอดบทเรียน” เพื่อเป็นเครื่องมือใช้ในการรณรงค์รับมือช่วงเทศกาลหยุดยาวต่อไปนี้ โดย นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผจก.ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน วิเคราะห์ว่าภาพรวมอุบัติเหตุ ๗ วันอันตรายมี ๒,๒๘๘ ครั้ง ลดลงจากปีที่แล้ว ๖.๒% ผู้บาดเจ็บ ๒,๓๐๗ คน ลดลง ๕.๓% ผู้เสียชีวิต ๒๘๔ คน ลดลง ๑๐.๔% เพราะการกำหนดวันหยุดชดเชยจากวันที่ ๒ มกราคม๒๕๖๗ มาเป็น ๒๙ ธันวาคม๒๕๖๖ ส่งผลให้ประชาชนทยอยเดินทางกันตั้งแต่วันที่ ๒๗-๒๘ ธันวาคม๒๕๖๖ กลุ่มแรกนี้กลับถึงบ้านมีโอกาสสังสรรค์ฉลองได้เร็วเริ่มพบอุบัติเหตุตั้งแต่วันที่ ๒๗ ธ.ค. มีผู้เสียชีวิต ๕๑ ราย วันที่ ๒๘ ธันวาคมเสียชีวิต ๔๑ ราย “ตัวเลขนี้ไม่ถูกรวมใน ๗ วันอันตราย” ทำให้การกำหนดวันป้องกันอุบัติเหตุปีใหม่นี้ไม่สอดรับกับความเสี่ยงอุบัติเหตุจริง ทั้งที่ควรประกาศมาตั้งแต่วันที่ ๒๗ ธ.ค. เพื่อให้ท้องถิ่น อาสาสมัคร ตำรวจ ระดมคนตั้งด่านดูแลป้องกันอุบัติเหตุให้ได้ดีกว่านี้tt ttต่อมาสำหรับข้อมูลบ่งชี้ “อุบัติเหตุ–เจ็บ–ตายลดลง” ตาม WHO ต้องติดตามนิยามการตาย ๓๐ วัน เพราะบางกรณีเกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัสรักษาในโรงพยาบาลหลายวันก่อนเสียชีวิตก็มี เช่น ปีใหม่ ๒๕๖๖ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยรายงานการตาย ๓๑๗ ราย แต่กระทรวงสาธารณสุขระบุยอดครบ ๓๐ วัน ๔๐๒ ราย เพิ่มขึ้น ๒๕%ดังนั้นเทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๗ “ผู้เสียชีวิต ๗ วัน ๒๘๔ ราย” ถ้าอยากเห็นตัวเลขสอดรับสถานการณ์จริงอาจต้องรอ ๓๐ วัน หรือบวกเพิ่มขึ้น ๒๐% ส่วนสาเหตุมาจากขับรถเร็ว ๕๗% ดื่มแล้วขับ ๑๕.๓% แต่ในช่วงเวลาไม่ชัดเจนเว้นคืนเคาต์ดาวน์วันที่ ๓๑ มกราคม๒๕๖๖ หลัง ๐๑.๐๐ น. มีตัวเลขดื่มแล้วขับเกิดอุบัติเหตุสูงขึ้น ๑๕.๘% เมื่อเทียบกับปีก่อนหากวิเคราะห์ถนน ๕๒% มักเกิดอยู่ใกล้บ้านรัศมี ๕ กม. และ ๘๖% ห่างบ้าน ๑๐ กม.เช่นนี้ ศปถ.จังหวัดต้องจัดการปัญหาหนุนเสริมกลไก “ด่านหน้า” ให้เข้มแข็งทั้งเสริมศักยภาพ กำลังคน ความรู้ และอุปกรณ์ที่เหมาะสมประเด็นข้อกังวล “ขยายสถานบริการปิดตี ๔ เคาต์ดาวน์ได้ ๖ โมงเช้า” ด้วยวันที่ ๑ มกราคม๒๕๖๗ คนกลุ่มหนึ่งเดินทางกลับ กทม.พบว่า” หลับใน ๑๑๑ กรณี (๔.๙%)” ซึ่งสาเหตุไม่ชัดมาจากเคาต์ดาวน์จนสว่างหรือไม่ แต่มีข้อมูลเด็ก-เยาวชนต่ำกว่า ๒๐ ปี บาดเจ็บมีการดื่มร่วมด้วย ๕๔๘ ราย แต่ไม่มีการสืบกลับไปยังร้านค้าจำหน่ายเพื่อดำเนินคดีเรื่องนี้อนาคต “ต้องมีการสืบสวนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุทุกราย” ลักษณะคล้ายกระบวนการสืบสวนคดีอาชญากรรม “เพื่อนำไปสู่การติดตามคนร้ายตัวจริงมาดำเนินคดี” เพราะด้วยที่ผ่านมาการเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตมักสรุปสาเหตุจาก “ขับรถประมาท ตัดหน้ากระชั้นชิด” ทำให้ไม่สามารถสาวไปถึงต้นตอร่วมอื่นที่แท้จริงได้อย่างปีใหม่นี้ “คนต่างชาติเสียชีวิต ๑๘ ราย” เป็นชาวเมียนมา ๑๒ ราย ส่วนใหญ่ขับขี่รถ จยย.ของนายจ้างมาสังสรรค์โดยไม่มีใบขับขี่ เรื่องนี้ที่ประชุมศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุฯ ถกกรณีนายจ้างอนุญาตให้ลูกจ้างขับขี่รถได้อย่างไร เพราะกฎหมายสามารถตั้งข้อหานายจ้างได้ แต่สุดท้ายไม่มีการสืบย้อนหลังดำเนินคดีจริงๆแล้ว “ตัวเลขการตายในช่วงปีใหม่ลดลง” เพราะด้วยการทำงานบูรณาการร่วมกันทุกฝ่ายอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.” ที่มานั่งศูนย์อำนวยการป้องกัน และลดอุบัติเหตุฯ สั่งการตำรวจตลอด ๗ วัน “การบังคับใช้กฎหมายเข้มงวดทุกพื้นที่” ทำให้ผู้คนระวังการกระทำผิดกฎจราจรtt ttสิ่งนี้เป็นคำตอบให้สถิติคดีเมาแล้วขับสะสม ๗ วันอยู่ที่ ๗,๘๖๔ คดีลดลงจากปีที่แล้วจำนวน ๗๐๓ คดี คิดเป็นร้อยละ ๘.๒ ทำให้อยากเห็นทุกภาคส่วนบูรณการร่วมกัน และบังคับใช้กฎหมายเข้มข้นขยายต่อเนื่องในทุกวันเช่นเดียวกับ ด็อกเตอร์ปัญณ์ จันทร์พาณิชย์ รอง ผู้อำนวยการกองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค สะท้อนข้อมูลผ่านเวทีบทเรียนอุบัติเหตุปีใหม่ ๒๕๖๗ จะร่วมสร้างเกราะป้องกัน ลดความสูญเสียได้อย่างไรว่า ปีใหม่มีแนวโน้มดีขึ้น ผู้เสียชีวิต ๒๘๔ ราย ลดลงจากปีที่แล้ว ๓๓ ราย ส่วนสถิติตรวจแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ ๑๗,๑๐๔ ราย เมาแล้วขับ ๓,๙๔๘ รายข้อสังเกตว่า “เยาวชนอายุต่ำกว่า ๒๐ ปี” ประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บเข้ารักษาในโรงพยาบาล “พบแอลกอฮอล์ในเลือด ๔๑๕ ราย” ทำให้ สตช.มีคำสั่งให้สอบสวนหาต้นทางการขายเครื่องดื่มให้เยาวชนทุกราย เพื่อเป็นการขยายผลสืบย้อนหลัง “เอาผิดร้านค้า” ก็นับเป็นเรื่องที่ดีในการป้องกันเยาวชนเข้าถึงแอลกอฮอล์ได้ง่ายปัญหาว่า “การดำเนินคดีเยาวชนเด็กต่ำกว่า ๒๐ ปีเมาแล้วขับ” เท่าที่ทราบอยู่ในอำนาจกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน แต่ไม่มีข้อมูลผลดำเนินการใดๆ ตรงนี้อาจต้องให้ความสำคัญผลทางคดีมากขึ้นหรือไม่มิเช่นนั้นจะกลายเป็นว่า “เยาวชนเมาแล้วขับไม่ถูกดำเนินคดีเป็นเรื่องปกติ” เพราะอย่าลืมว่าในช่วงเทศกาลนั้น “ประเทศไทยสูญเสียเด็ก และเยาวชน” จากอุบัติเหตุดื่มเมาแล้วขับค่อนข้างสูงขึ้นในแต่ละปี“อนาคตกำลังมีแผนจะขับเคลื่อนรณรงค์ต่อมาตรการเอาผิดเยาวชนเมาแล้วขับจริงจัง ด้วยการสืบสวนย้อนหลังในการดำเนินการทางกฎหมาย ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ อีกทั้งยังจะเข้าหารือกับกระทรวงศึกษาธิการกรณีเด็กถูกดำเนินคดีเมาแล้วขับควรมีผลต่อการศึกษาด้วยหรือไม่” ด็อกเตอร์ปัญณ์ ว่าตอกย้ำภาพรวม “สถานการณ์อุบัติเหตุกลุ่มอายุ ๑๐–๑๙ ปี” ตั้งแต่ปี ๒๕๕๔-๒๕๖๓ ปรากฏพบว่าเด็ก และเยาวชนเสียชีวิต ๒.๖ หมื่นราย หรือเฉลี่ยปีละ ๒,๐๐๐-๓,๐๐๐ ราย เพราะเป็นช่วงวัยการเดินทางอยู่ประจำ ไม่ว่าจะเดินทางไปโรงเรียน เดินทางท่องเที่ยว รวมถึงการมีกิจกรรมตอนกลางคืนทำให้มีอัตราเสี่ยงเกิดการสูญเสียอยู่ทุกวันแล้วประมาณการแนวโน้มปี ๒๕๖๔-๒๕๗๓ จะมีเด็ก และเยาวชนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเพิ่มอีก ๓ หมื่นคนหากดูเฉพาะ “อัตราการบาดเจ็บ” ตัวเลขน่าตกใจมากช่วง ๘ ปีมานี้ “เด็ก และเยาวชน” เข้ารักษาในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ๒.๔๒ ล้านคน แยกเป็นบาดเจ็บรุนแรง ๓.๖๖ แสนราย หรือเฉลี่ย ๔๐,๐๐๐-๕๐,๐๐๐ ราย/ปี กลายเป็นผู้พิการปีละ ๒,๐๐๐-๓,๐๐๐ คน ทำให้เห็นว่าเราสูญเสียอนาคตของชาติปีละ ๕,๐๐๐ คนเมื่อวิเคราะห์มูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจในปี ๒๕๖๒ เพียงหนึ่งปี คำนวณจากผู้เสียชีวิต ๒,๘๓๔ ราย ผู้บาดเจ็บรุนแรง ๔๘,๗๐๔ ราย มูลค่าความสูญเสีย ๑.๗๔ แสนล้านบาทตามผลจากวิจัยปัญหา “กลุ่มอายุ ๑๕–๑๙ ปีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุสูง” มาจากผู้ใหญ่เป็นผู้ผลิตนักขับขี่มือใหม่กันเอง โดยพ่อแม่ ญาติ หรือเพื่อนฝึกหัดให้กันตั้งแต่อายุ ๑๐-๑๒ ปี ๔๘% อายุ ๑๓-๑๕ ปี ๔๓% โดยเฉพาะเด็กในพื้นที่ต่างจังหวัด “มีความจำเป็นต้องใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ” ถือว่าเป็นช่วงอายุฝึกหัดขับขี่เร็วมากเกินไปกลายเป็นสาเหตุให้กลุ่มอายุ ๑๕-๑๙ ปี มีการบาดเจ็บ ๑๖๐,๓๙๐ คน/ปี กลุ่มอายุ ๑๐-๑๔ ปี บาดเจ็บ ๘๔,๘๐๔ คน/ปี “อันเป็นอัตราการบาดเจ็บ และเสียชีวิตเกิดขึ้นทุกวัน” แต่ว่าภาครัฐกลับให้ความสำคัญน้อยมุ่งเน้นสนใจเฉพาะเทศกาล และกลุ่มอายุตั้งแต่อายุ ๓๐ ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มมีสถิติการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุต่ำลงเช่นนี้ควรหันมาลงทุน “ป้องกันอุบัติเหตุแก่เด็ก และเยาวชน” ทุ่มสรรพกำลังให้ความรู้ ข้อกฎหมาย เพิ่มทักษะด้านความปลอดภัย เพื่ออนาคตจะเติบโตมีคุณภาพสามารถปกป้องครอบครัวได้ดีกว่าทุกวันนี้ย้ำว่ายอดการเสียชีวิตในเทศกาลปีใหม่ก็ดี หรือเทศกาลสงกรานต์ก็ดีเป็นเพียง ๕% ของการตายจากอุบัติเหตุตลอดปี ดังนั้นการจัดการป้องกันเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนจำเป็นต้องทำกันทุกวัน.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า ๑” เพิ่มเติม