วันพุธ, 6 พฤศจิกายน 2567

“เศรษฐา” ยัน โครงการแลนด์บริดจ์ จะทำให้ “ระนอง-ชุมพร” เจริญมากยิ่งขึ้น

นายกฯ เศรษฐา สั่ง ๓ กระทรวง เร่งรัดให้คนได้สัญชาติ รับสิทธิทางกฎหมาย  ยัน “แลนด์บริดจ์” สร้างความเจริญให้ภาคใต้ พร้อมศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม รับฟังฝ่ายคัดค้านเมื่อเวลา ๑๑.๒๕ น. วันที่ ๒๓ ม.ค. ๒๕๖๗  ที่หอประชุมคอซู้เจียง ศูนย์ราชการจังหวัดระนอง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (คณะรัฐมนตรีสัญจร) ว่า ในการลงพื้นที่ตรวจราชการเมื่อวันที่ ๒๒ ม.ค. ตนได้ไปดูท่าเรือระนอง-เกาะสอง โดยมีการอนุมัติปรับปรุงท่าเรือท่องเที่ยว และการขนส่งให้ดีขึ้น รวมถึงการพัฒนาท่าเรือให้เป็นวันสตอปเซอร์วิสเพื่อให้นักธุรกิจและประชาชนทำมาค้าขายได้สะดวกยิ่งขึ้น และยังได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงแรงงาน เร่งรัดให้คนได้มีสัญชาติและพิสูจน์สิทธิให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อรับสิทธิขั้นพื้นฐานทางกฎหมาย โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยได้ลงพื้นที่ตรวจการก่อสร้างสะพานข้ามคลองอ่าวเขาควาย บนเกาะพยาม เพื่อช่วยเด็กนักเรียนในการเดินทาง สร้างสะพานให้เด็กนักเรียนชาวมอแกนสามารถเดินทางไปโรงเรียนได้สะดวก นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ตนได้ไปดูจุดก่อสร้างโครงการแลนด์บริดจ์ ทำให้จ.ระนองและจ.ชุมพรเจริญมากยิ่งขึ้น มีการสร้างงาน สร้างรายได้ พร้อมศึกษาทางด้านสิ่งแวดล้อม และยังได้รับหนังสือร้องเรียนจากฝ่ายที่เห็นชอบกับการก่อสร้างโครงการ ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยกันต่อไป และภารกิจสุดท้ายตนไปดูบ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวาริน ที่บ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวาริน เพื่อส่งเสริมให้มีการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ แต่ยังมีบางเรื่องที่ยังขาดอยู่ เช่นเรื่องการประชาสัมพันธ์ประโยชน์ของบ่อน้ำพุร้อนคืออะไร มีสารอะไรบ้างที่ให้คุณประโยชน์กับร่างกาย ซึ่งตนได้สั่งการให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไปทำการบ้านเพิ่มเติมมา