วันพฤหัสบดี, 7 พฤศจิกายน 2567

นายกฯ ไปสุวรรณภูมิแบบไม่แจ้งล่วงหน้า ตรวจระบบ ตม. หลังล่มบ่อย พร้อมเรียกถกด่วน

นายกรัฐมนตรี เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ โดยไม่แจ้งล่วงหน้า หลังระบบ ตม.ล่มบ่อย พร้อมเรียก ผบช.สตม.-หน่วยงานเกี่ยวข้องถกด่วนวันนี้ พร้อมเล็งขอ กพ. เพิ่มกำลังคน ก่อนประกาศยกระดับสนามบินทั่วประเทศต้น มี.ค. รับนักท่องเที่ยวแห่เข้าไทย  เมื่อเวลา ๐๙.๓๐ น. วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจติดตามงานด้านการบริการนักท่องเที่ยวของ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) หลังจากที่ระบบสำรองข้อมูล (Back up System) ล่มบ่อย ซึ่งเป็นการเดินทางไปติดตามงานแบบไม่มีกำหนดการ และไม่ได้แจ้งล่วงหน้า จากนั้นเวลา ๑๑.๐๐ น. นายกรัฐมนตรีเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ตนไปโดยไม่ได้แจ้งไว้ โดยประมาณต้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๗ จะมีการประกาศเรื่องการยกระดับสนามบินทั่วประเทศ และเป็นแผนงานใหญ่ เรื่องของสนามบินสุวรรณภูมิ ระบบการตรวจคนเข้าเมือง และวิธีการระบบจัดการทั้งหมดเป็นเรื่องสำคัญ จึงไม่อยากแค่ฟังรายงาน แต่อยากไปดูให้เห็นด้วยตา และไม่อยากใช้คำว่าปัญหา แต่จะใช้คำว่าโอกาส ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้ดีขึ้นอีกเยอะมากในหลายๆ มิติ เริ่มตั้งแต่เรื่องงานระบบ ซึ่งเป็นระบบไอที มีหลายๆ เจ้ามาทำ การไม่เชื่อมต่อโยงกันระบบสำรองข้อมูล ความเสถียรของระบบ และเรื่องของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่มีจำนวนไม่พอ พร้อมกันนี้ยังได้มีโอกาสไปดูพื้นที่ที่เขาพักผ่อนกัน และผลัดกะตรวจเวร ซึ่งความเป็นอยู่ดูไม่ค่อยดีเท่าไร จึงสั่งให้มีการปรับปรุงไป ตรงนี้อยู่ในแผนงานหมด ทั้งขาเข้าและขาออก และอะไรหลายๆ อย่างถือเป็นโอกาสที่ได้ไปรับข้อมูล และนำมาปรับปรุงพร้อมเขียนไปในแม่แบบอันใหญ่ที่จะมาแถลง tt ttผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีล่าสุดที่ยังมีปัญหาระบบล่ม นายเศรษฐา ระบุว่า นั่นก็เป็นส่วนหนึ่ง และจะเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการ เมื่อถามต่อ สาเหตุที่ระบบล่มเป็นเรื่องของระบบหรือคน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของระบบ ซึ่งจริงๆ มีหลายระบบเข้ามา ระบบ Back up ก็ไม่ดี เมื่อมีคนเข้ามาเยอะระบบก็หน่วง เช่น เวลาคนเข้ามาเยอะๆ ธรรมดาต่อคนเคพีไอประมาณ ๔๕ วินาที แต่เวลาคนเข้ามาเยอะและทุกๆ Station มีการใช้งานมาก กลายเป็นนาทีกว่า ก็ทำให้ช้าอีก ตรงนี้จึงเป็นปัญหาใหญ่ “เดี๋ยววันนี้จะมีการประชุมในช่วงบ่าย และจะประชุมอย่างต่อเนื่องทั้งอาทิตย์นี้ เพื่อเขียนเป็นแม่แบบว่าจะทำอย่างไร และจะแก้ไขกันอย่างบูรณาการคงใช้เวลา ผมคิดว่าอาจจะ ๑๒ เดือนคงจบบทได้”ส่วนคำถามว่าช่วงนี้นักท่องเที่ยวที่เริ่มเข้ามาจำนวนมากอาจจะประสบปัญหาเหล่านี้ นายเศรษฐา เผยว่า ตอนนี้จำนวนนักท่องเที่ยวเทียบเท่ากับช่วงก่อนที่จะมีโควิด-๑๙ ซึ่งต้องใช้วิธีการบริหารจัดการกันไป และได้ให้เคพีไอไปว่า หากนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ควรจะคอยเรื่องของการประทับตราหนังสือเดินทางไม่ควรเกิน ๓๐ นาที สำหรับปัญหาการรอรับกระเป๋าที่ต้องใช้เวลานานนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า จากการสอบถามทราบว่าดีขึ้นแล้ว แต่ก็จะพยายามทำให้ดีขึ้นอีก ต้องไปดูงานระบบสายพานที่ส่งผ่านมา และตนมีการสอบถามและให้มาแจ้งข้อมูล ถวมถึงถามถึงเรื่องคน จำนวนของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไม่พอ ซึ่งได้มีการพูดคุยไปแล้วและจะมีการประชุม โดยบ่ายนี้ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) จะเข้ามาพูดคุย ซึ่งอาจจะมีการขอไปทางสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) เพราะอันนี้เป็นเรื่องของปัญหาระยะยาวซึ่งอยากจะแก้ไขหนเดียวเลยtt tt ขณะที่เรื่องการเดินทางขาออกก็ยังเป็นปัญหาเช่นกันนั้น นายกรัฐมนตรี ตอบว่า จากการไปดูขาออกพบว่ามีคิวยาวมากในการตรวจลงตราพาสปอร์ต เอกซเรย์กระเป๋า และแบ็กอัพออกมาข้างนอก ทำให้เวลาเช็กอิน พื้นที่ไม่เพียงพอ อย่างหนึ่งที่ตนเคยพูดไป ขาออกไม่อยากให้มีการตรวจเช็กเยอะ แต่ก็มีปัญหา ๒ อย่าง คือเรื่องของการอยู่เกินเวลา และคนที่มีความผิดที่จะออกนอกประเทศ ฉะนั้นตรงนี้เรื่องระบบไอทีจะต้องลิงก์เข้าให้ได้หมด หากเป็นระบบที่สามารถเช็กได้ก็ต้องตรวจให้ได้ อันนี้ถือเป็นแผนระยะกลาง ซึ่งได้ให้นโยบายไป และมาประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย ทั้งนี้ ในเรื่องของการลิงก์ระบบเข้าทั้งหมด หากไม่ต้องมีการตรวจเป็นเคาน์เตอร์ที่ต้องประทับตราและออกไป ก็จะทำให้ระยะเวลาในการเดินทางออกนอกประเทศสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อันนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางตั้งแต่เข้ามาประเทศไทย ก็อยากให้สะดวกสบายตั้งแต่ลงเครื่องบิน เดินเข้ามาในงวง ไม่ต้องนั่งรถบัสเข้ามา หรือเข้ามาถึงไม่ต้องคอยนาน ๓๐ นาที รับกระเป๋าออกไปได้ ระบบแท็กซี่ที่เข้ามาต้องให้เหมาะสมถูกต้อง ขากลับที่จะเดินทางก็ไม่อยากให้เกิน ๒ ชั่วโมง เพราะจากการที่สอบถามไปก็เกือบ ๓ ชั่วโมง เป็นเรื่องหนึ่งหากเราจะมีการดูแลการท่องเที่ยวให้ดี เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราต้องเห็นใจนักท่องเที่ยว แทนที่จะเอาเวลาไปท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยเพิ่ม แต่ต้องมาเสียเวลาที่สนามบินมากขึ้น ตรงนี้จะถือเป็นโอกาสในการที่จะทำให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยดีขึ้น ขอให้มองเป็นโอกาส.